xs
xsm
sm
md
lg

บี.กริม เพาเวอร์ ออกหุ้นกู้ “กรีนบอนด์” 5 พัน ล.

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


บี.กริม เพาเวอร์ ร่วมลงนามสัญญาการออกหุ้นกู้ “กรีนบอนด์” มูลค่า 5,000 ล้านบาท เพื่อเพิ่มสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าด้วยพลังงานทดแทนขึ้นเป็น 30% ภายในปี 2564 ด้วยการ สนับสนุนจาก ธนาคารพัฒนาเอเชีย หรือ เอดีบี

นางปรียนาถ สุนทรวาทะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BGRIM เปิดเผยว่า BGRIM จะเพิ่มสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าด้วยพลังงานทดแทน ขึ้นเป็น 30% ภายในปี 2564 จึงได้ริเริ่มออกหุ้นกู้กรีนบอนด์ มูลค่า 5 พันล้านบาท (155 ล้านเหรียญสหรัฐ) ประกอบด้วยในหุ้นกู้อายุ 5 ปี และอายุ 7 ปี ถือเป็นครั้งแรกของหุ้นกู้ “กรีนบอนด์” ที่ได้รับการรับรองโดย Climate Bonds Initiative จะออกในประเทศไทย ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากธนาคารพัฒนาเอเชีย (เอดีบี)

ทั้งนี้ การสนับสนุนอย่างเต็มที่จากเอดีบี ถือเป็นสิ่งสำคัญและมีคุณค่าอย่างยิ่ง ที่จะช่วยสะท้อนความเชื่อมั่น ตลอดจนสร้างความมั่นใจได้ว่า หุ้นกู้ฯ ดังกล่าวมีการจัดทำแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดในระดับสากล สอดคล้องกับมาตรฐานเกณฑ์การออกพันธบัตรอาเซียนกรีนบอนด์ (ASEAN Green Bond Standards) ที่จะใช้เกณฑ์เดียวกันทั่วภูมิภาคอาเซียน ของสมาคมตลาดทุนระหว่างประเทศ (International Capital Market Association : ICMA) ซึ่งเกิดจากความสัมพันธ์อันยาวนานที่เราได้ทำขึ้นจากการทำธุรกรรมหลายอย่างต่อกันอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่องระหว่าง บี.กริม และเอดีบี

ปัจจุบัน BGRIM มีโรงไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ทั้งหมด 33 แห่ง แบ่งเป็นโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วม 15 แห่ง โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ 15 แห่ง โรงไฟฟ้าพลังน้ำ 2 แห่ง และโรงไฟฟ้าพลังงานดีเซล 1 แห่ง ซึ่งตั้งอยู่ในประเทศไทย และต่างประเทศ มีกำลังการผลิตไฟฟ้ารวมกว่า 2,045 เมกะวัตต์ และมีโครงการโรงไฟฟ้าที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างและพัฒนาอีกกว่า 1,081 เมกะวัตต์ รวมเป็นจำนวนกำลังการผลิตติดตั้ง ที่มีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าทั้งในประเทศและต่างประเทศแล้วขณะนี้ 3,126 เมกะวัตต์ ทั้งนี้ จากการออกหุ้นกู้ “กรีนบอนด์” ครั้งนี้ เป็นส่วนหนึ่งของแผนการพัฒนาศักยภาพการผลิตไฟฟ้าของบริษัทฯ ที่จะเพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานทดแทน หรือพลังงานสะอาด จาก 10% เป็น 30% ให้สำเร็จภายในปี 2564

นายไมเคิล แบร์โรว์ ผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายปฏิบัติการภาคเอกชน ธนาคารพัฒนาเอเชีย (เอดีบี) เปิดเผยว่า การออกหุ้นกู้ครั้งนี้จะช่วยส่งเสริมการพัฒนาตลาดพันธบัตรสีเขียว (กรีนบอนด์) ในประเทศไทย ที่สำคัญเงินทุนที่ได้จะนำมาใช้สำหรับโครงการพลังงานทดแทนในประเทศไทย ยังเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยสร้างวิถีสังคมคาร์บอนต่ำ เพื่อการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน และยังจะช่วยให้ประเทศไทยบรรลุเป้าหมายในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่ตั้งไว้ 20% ได้โดยไร้ข้อจำกัดของเงื่อนไข ภายในปี 2573

ทั้งนี้ บี.กริม นับเป็นผู้บุกเบิกด้านธุรกิจพลังงานทดแทน และการเติบโตของสังคมคาร์บอนต่ำในประเทศไทย ที่มีบทบาทมากขึ้นในภูมิภาคนี้ และเอดีบี รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้เป็นพันธมิตรระยะยาวในการดำเนินการดังกล่าว โดยเงินทุนที่ได้จากหุ้นกู้กรีนบอนด์นี้ จะใช้สำหรับโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่ดำเนินการแล้วจำนวน 9 แห่งที่มีกำลังการผลิต 67.7 เมกะวัตต์ และโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ 7 แห่งที่กำลังก่อสร้างอยู่ ซึ่งโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ทั้งหมดในประเทศไทยมีกำลังการผลิตรวม 30.8 เมกะวัตต์

นายไมเคิลฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า นี่คือการลงทุนพันธบัตรสีเขียว (กรีนบอนด์) ครั้งที่สองของเอดีบี โดยในปี พ.ศ.2559 ธนาคารได้สนับสนุนโครงการพลังงานความร้อนใต้พิภพ Tiwi และ Makban ในฟิลิปปินส์ ซึ่งเป็นโครงการเสนอขายพันธบัตรสีเขียวครั้งแรกของประเทศ และสำหรับการลงทุนในหุ้นกู้ครั้งนี้ เป็นการติดต่อทางธุรกิจครั้งที่สามระหว่างเอดีบี และ บี.กริม เพาเวอร์ โดยในปี 2560 เอดีบี ซื้อหุ้นสามัญ IPO ของ บี.กริม เพาเวอร์ และเมื่อต้นปีนี้ เอดีบี ได้ลงนามในสัญญาเงินกู้เพื่อสนับสนุนการขยายสู่ตลาดพลังงานทดแทนทั่วภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของ บี.กริม


กำลังโหลดความคิดเห็น