xs
xsm
sm
md
lg

ทุนฮ่องกงเพิ่มพอร์ตอสังหาฯ ในไทย “ลี กา ชิง” จ่อเนรมิตแปลง จ.พังงา

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

นายสงกรานต์ อิสสระ
ทุนฮ่องกง ยังไม่หยุดขยายพอร์ตอสังหาฯ ในไทย จับตาเศรษฐีระดับโลก “ลี กา ชิง” เตรียมเนรมิตที่ดิน อ.ท้ายเหมือง จ.พังงา ผุดโครงการหรู ด้าน “ไรส์แลนด์” จากฮ่องกงร่วมทุนไทย วางเป้าปี 62 ผุด 3 โครงการ 30,000 ล้านบาท เน้นคอนโดฯ เป็นหลัก แย้มทำโรงแรมเพิ่ม ค่าย “ชาญอิสสระ” รุกขยายพอร์ตบริหารโรงแรมในจีน

แหล่งข่าวในวงการอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยว่า ตลาดอสังหาฯ ในจังหวัดภูเก็ต ยังมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยแม้ว่าตลาดในกลุ่มประเทศจีน จะลดลงตามสถานการณ์ แต่คาดว่าในเร็วๆ นี้ นักท่องเที่ยวจากประเทศจีนจะกลับเข้ามาในภูเก็ต นอกจากนี้ การพัฒนาโครงการในภูเก็ตจะเป็นโครงการระดับไฮเอนด์ เนื่องด้วยราคาที่ดินปรับสูงขึ้น ปัจจุบัน ราคาที่ดินภูเก็ตสูงลิบลิ่ว โดยเฉพาะโซนฝั่งตะวันตก เช่น หาดป่าตอง ราคาที่ดินริมหาดทะลุไร่ละกว่า 100 ล้านบาท หากขยับขึ้นมาบริเวณถนนป่าตองสาย 2 และ 3 หรือโซนใกล้เคียง เช่น หาดกะตะ กะรน ราคาที่ดินก็ยังอยู่ที่ไร่ละ 60 ล้านบาทขึ้นไป และด้วยราคาที่สูงในภูเก็ต ทำให้ทำเลอื่นกำลังถูกนักลงทุนเข้าไปลงทุน และมีแนวโน้มจะบูม คือ โซนเหนือของเกาะภูเก็ตเชื่อมต่อไปถึง จ.พังงา และทางภาครัฐมีนโยบายที่จะส่งเสริมให้กลุ่มจังหวัดอันดามันให้เป็น “สามเหลี่ยมอันดามัน ภูเก็ต-พังงา-กระบี่”

“มีความเคลื่อนไหวของทุนข้ามชาติของฮ่องกง โดยเครือข่ายธุรกิจของกลุ่มลี กา ชิง เศรษฐีระดับโลก มีที่ดินในอำเภอท้ายเมือง จ.พังงา จำนวนมาก และมีแผนที่จะพัฒนาโครงการอสังหาฯ เช่น วิลลา และอีกหลายโครงการจะเกิดขึ้นตามมา” แหล่งข่าวกล่าว และมองว่า แม้จะเป็นกลุ่มทุนรายใหญ่ แต่ด้วยศักยภาพของภูเก็ตแล้ว ยังมีโอกาส และการเติบโตที่สูง และหากจะทำสินค้าในระดับที่สูงก็ต้องพิจารณาในเรื่องของกำลังซื้อ

“ไรส์แลนด์” ทุนฮ่องกงผุดโครงการปีหน้า 3 หมื่น ล.

นายศรายุธ เล็กผลิผล หัวหน้าคณะผู้บริหาร กลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อพาณิชยกรรม บริษัท ไรส์แลนด์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้พัฒนาโครงการ อาร์ติซาน รัชดา กล่าวว่า ทางบริษัทฯ ได้วางเป้าหมายที่จะผลักดันให้ประเทศไทยเป็นฐานธุรกิจของบริษัทในภูมิภาคเอเชีย ที่จะมีการลงทุนมากกว่าที่อยู่อาศัย ซึ่งจะมีทั้งโครงการคอมเมอร์เชียล โรงแรมที่อยู่ภายในโครงการเดียวกัน คาดว่าตัวธุรกิจโรงแรมจะเห็นผลภายใน 2 ปีข้างหน้า ทั้งนี้ ตนยืนยันว่า ไรส์แลนด์ฯ มีความต้องการที่จะทำธุรกิจระยะยาวในประเทศไทย โดยในขณะนี้บริษัทได้ร่วมลงทุนพัฒนาอสังหาริมทรัพย์แล้ว 2 โครงการ คือ โครงการคอนโดมิเนียม อาร์ติซาน รัชดา วงเงินลงทุน 6,000 ล้านบาท และโครงการบ้านเดี่ยวระดับบน เลคซีรีน พระราม 2 (ซื้อที่ดินมาจากบริษัทณุศาศิริ ) พัฒนาอีก 403 ยูนิต ซึ่งจะมีการพัฒนารวม 4 เฟสไปถึงปี 2563

โดยตามแผนงานในปี 2562 มีแผนจะเปิด 3 โครงการใหม่ในย่านธุรกิจ มูลค่ารวม 30,000 ล้านบาท โดยจะเป็นรูปแบบโครงการคอนโดมิเนียม ได้แก่ โครงการที่จะเปิดขายตรงสถานีอินเตอร์เชนจ์ ลำสาลี ช่วงกลางปี 62 จำนวน 2,400 ยูนิต มูลค่าโครงการ 10,000 ล้านบาท โครงการตรงย่านพร้อมพงษ์ ใกล้เอ็มควอเทียร์ อีก 1 โครงการ และสุดท้ายโครงการในโซนเพชรบุรีตัดใหม่ อีก 1 โครงการ โดย 2 โครงการหลังมีจำนวนหน่วย 600 ยูนิตต่อโครงการ ราคาขายประมาณ 1.5-1.7 แสนบาทต่อตารางเมตร (ตร.ม.) ขณะนี้ทั้ง 3 โครงการอยู่ระหว่างการจัดการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม หรือ EIA คาดว่าจะมีความชัดเจนในเร็วๆ นี้

สำหรับความคืบหน้าการเปิดขายโครงการอาร์ติซาน รัชดา ภายในระยะเวลาเพียง 6 เดือน ก็สามารถทำยอดขายทะลุเป้ากว่า 80% หรือทำรายได้มากกว่า 3,600 ล้านบาท โดยในส่วนของลูกค้าต่างชาติทำยอดขายได้เต็มโควตา 49% ในตึก C และ D ของจำนวนยูนิตทั้งหมด และขณะนี้เป็นในช่วงเปิดขายให้แก่ลูกค้าชาวไทย สามารถทำยอดขายได้แล้ว 40% ของห้องทั้งหมด

“โครงการของเราได้รับการตอบรับดีมากจากลูกค้าต่างชาติ เพราะด้วยทำเลที่เป็นย่านธุรกิจใหม่ ซึ่งลูกค้าหลักเป็นชาวจีน 70% ที่เหลือเป็นฮ่องกง สิงคโปร์ ไต้หวัน และกัมพูชา รวมกันอีก 30%”

“ชาญอิสสระ” ผุด 6 โครงการกว่า 6 พันล้าน

นายสงกรานต์ อิสสระ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการ บริษัท ชาญอิสสระ ดีเวล็อปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ CI กล่าวว่า ในช่วงที่เหลือของปีนี้การแข่งขันด้านการตลาดอสังหาฯ อาจจะมีความคึกคักลดลงเมื่อเทียบกับช่วงปีที่ผ่านมา โดยได้รับปัจจัยกระทบจากภาคการท่องเที่ยว ที่ตัวเลขตกลงในช่วง 2-3 เดือนมาแล้ว ส่งผลให้รายได้จากภาคการท่องเที่ยวของประเทศลดลงตามไป ไม่ว่าจะเป็นตัวเลขการท่องเที่ยวจากภูเก็ต พัทยา เชียงใหม่ รวมถึงกรุงเทพฯ ที่มีอัตราจำนวนนักท่องเที่ยวลดลง โดยเฉพาะชาวจีน ซึ่งจากปัจจัยดังกล่าวส่งผลทำให้สภาพหมุนเวียนทางการเงินลดลง ประกอบกับนโยบายสงครามการเงินระหว่างจีน กับสหรัฐฯ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อภาคการค้าที่จะมีการวางกฎเกณฑ์เรื่องของการนำเงินออกนอกประเทศมากขึ้น

“ปกติ 2-3 ปีที่แล้ว มีการซื้อขายกับชาวจีนเยอะ ชาวจีนมาซื้อคอนโดเมืองไทยค่อนข้างมาก ตอนนี้ลดน้อยลง โดยในส่วนของชาวจีนถือเป็นสัดส่วนที่ช่วยดึงกำลังซื้อได้พอสมควรในการเข้ามาจับจ่ายใช้สอย โครงการหลายๆ โครงการอาจจะมีผลเยอะ จากเหตุการณ์สงครามการค้าจีน-สหรัฐฯ ที่ต้องมีการคุมเข้มเรื่องการเอาเงินออกจากประเทศจีน มันก็มีผลส่วนหนึ่งต่อสภาพการหมุนเวียนทางการเงิน” นายสงกรานต์ กล่าว

สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจในปี 62 บริษัทเตรียมทุ่มงบประมาณกว่า 6,000 ล้านบาท ในการพัฒนาโครงการใหม่ และโครงการส่วนต่อขยาย ประกอบด้วย โครงการคอนโดมิเนียมหรูย่านถนนจันทร์-สาทร มูลค่าโครงการ 2,000 ล้านบาท ส่วนต่อขยายโรงแรมบาบา บีช คลับ หัวหิน เมนโฮเทล อาคารสูง 12 ชั้น จำนวน 50 ห้อง มูลค่าโครงการ 1,500 ล้านบาท โครงการบ้านพักตากอากาศ พูลวิลลา 7 หลัง ภายในโครงการทิวทะเลเอสเตท มูลค่าโครงการ 200 ล้านบาท วาเคชั่น คลับ อาคารสูง 10 ชั้น 80 ยูนิต ภายในโครงการทิวทะเลเอสเตท มูลค่าโครงการ 1,500 ล้านบาท รวมไปถึงส่วนต่อขยายของโรงแรม ศรีพันวา ภูเก็ต คอนเวนชั่นฮอลล์ ขนาดจุ 400 คน พร้อมห้องพักแบบพูลสวีต จำนวน 20 ห้อง มูลค่าโครงการ 1,000 ล้านบาท และโครงการบ้านพักตากอากาศ พูลวิลลา อีกจำนวน 4 หลัง มูลค่าโครงการ 200 ล้านบาท

ขยายพอร์ตบริหารโรงแรมในจีน

นอกจากนี้ ในส่วนของความคืบหน้างานที่ปรึกษาและบริหารงานโรงแรมที่ไฮหนาน มณฑลยูนนาน ประเทศจีน กับกลุ่มจุนฟาเรียลเอสเตท มีมูลค่าโครงการกว่า 18,000 ล้านบาท ปัจจุบันก่อสร้างไปแล้วกว่า 40% ซึ่งคาดว่าจะเปิดให้บริการได้ในเดือนตุลาคม ปี 2562 ซึ่งที่ผ่านมา เราได้รับรายได้จากค่าที่ปรึกษา และจะได้บริหารงานโรงแรม ซึ่งจะเป็นรายได้ระยะยาวให้แก่บริษัทต่อไปด้วย โดยในแต่ละปีบริษัทจะมีค่าบริหารจัดการ 50 ล้านบาทต่อปี และหากสามารถสร้างผลงานจะมีผลตอบแทนเพิ่มเติมอย่างน้อย 1-2% ทั้งนี้ ในข้อตกลงในการบริหารโรงแรมที่ยูนนาน จะเป็นสัญญา 15 ปี บวก 2 ครั้ง ครั้งละ 5 ปี คาดว่าจะมีรายได้ประมาณ 2,000 ล้านบาท และเมื่อไม่นานมานี้ กลุ่มจุนฟา ก็ได้เชิญทีมพัฒนาโครงการของชาญอิสสระ เข้าไปดูพื้นที่ และศึกษาความเป็นไปได้ในการพัฒนาโรงแรมต่อที่สิบสองปันนา ประเทศจีน เพื่อลงทุนพัฒนาในปีหน้าอีกด้วย

ทั้งนี้ ในช่วงปลาย 2561 ทางชาญอิสสระ เตรียมนำโรงแรม บาบา บีช คลับ หัวหิน เข้ากองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์โรงแรมศรีพันวา หรือกองทรัสต์ SRIPANWA มูลค่าไม่เกิน 550 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างรอมติจากผู้ถือหน่วยลงทุน ที่จะมีการประชุมในวันที่ 14 ธ.ค.นี้ โดยหากผู้ถือหน่วยมีมติเห็นชอบการเข้าลงทุนในทรัพย์สินเพิ่มเติมในครั้งนี้ จะส่งผลให้ขนาดมูลค่าทรัพย์สินรวมของกองทรัสต์โตขึ้นจากเดิมที่ประมาณ 3,700 ล้านบาท เป็นมูลค่ากว่า 4,000 ล้านบาท


กำลังโหลดความคิดเห็น