xs
xsm
sm
md
lg

กำลังซื้อจีนหดตัวช่วงสั้น “เน็กซัส” เชื่อไม่ทิ้งโอนห้องชุด เหตุดาวน์สูง 20-30%

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


“เน็กซัส” ระบุกำลังซื้ออสังหาฯ ชาวจีนหดตัวช่วงสั้นจากปัจจัยลบเศรษฐกิจภายใน สงครามการค้า คาดกลางปี 62 เริ่มกลับมา เชื่อทิ้งดาวน์ต่ำ เหตุวางเงินดาวน์สูง 20-30%

นางนลินรัตน์ เจริญสุพงษ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เน็กซัส พรอพเพอร์ตี้ มาร์เก็ตติ้ง จำกัด บริษัทตัวแทนนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ กล่าวถึงความกังวลของภาคอสังหาริมทรัพย์กรณีกลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติ โดยเฉพาะชาวจีนที่ได้เข้ามาซื้อห้องชุดในไทยจำนวนมากจะหายไปไม่ยอมมารับโอนห้องชุด หรือทิ้งเงินดาวน์ เช่นเดี่ยวกับที่มาท่องเที่ยวเมืองไทยน้อยลงไปมาก ปัจจุบัน ซัปพลายคอนโดมิเนียมในกรุงเทพฯ มีออกสู่ตลาดประมาณ 60,000 ยูนิตต่อปี ดีมานด์ประมาณ 50,000 ยูนิตต่อปี ส่วนที่เหลือผู้ประกอบการจะไปขายให้แก่ลูกค้าชาวต่างชาติ โดยจะมีสัดส่วนราว 20% ในจำนวนนี้ส่วนใหญ่เป็นชาวจีน การที่กลุ่มลูกค้าชาวจีนหดตัวลงไป ทั้งการท่องเที่ยว และการซื้ออสังหาริมทรัพย์นั้นไม่ได้มาจากกรณีเรือล่มที่ภูเก็ตเพียงอย่างเดียว แต่มาจากปัญหาภายในของจีน ที่ประสบปัญหาเศรษฐกิจ สงครามการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกา ความเข้มงวดในการนำเงินออกนอกประเทศ

ทั้งนี้ เชื่อว่า กว่าที่ชาวจีนจะกลับมาซื้ออสังหาฯ ไทยอีกครั้งคงต้องใช้เวลา เพราะเป็นคนที่ขี้ตกใจ ซึ่งมองว่า ผลกระทบดังกล่าวเป็นแค่ครึ่งปีแรก 2562 และประเมินว่า ครึ่งหลังปี 2562 ความต้องการซื้อของกลุ่มลูกค้าชาวจีนจะกลับมา

สำหรับแนวโน้มการโอนโครงการคอนโดมิเนียมย่านกลางเมือง โดยเฉพาะสุขุมวิท ในกลุ่มลูกค้าต่างชาติ ที่ไม่ได้จำกัดเฉพาะชาวจีน จะพบว่า หากห้องชุดขาย 100 ยูนิต จะเป็นชาวต่างชาติที่เป็นกลุ่มนักลงทุนเก็งกำไรที่ซื้อแล้วไม่ต้องการโอนประมาณ 10% ซึ่งถือว่าไม่ได้เยอะมาก ซึ่งหากไม่สามารถขายในระหว่างก่อสร้างได้ กลุ่มนักลงทุนเหล่านี้ก็พร้อมที่จะรับโอน ส่วนกลุ่มลูกค้าชาวฮ่องกง สิงคโปร์นั้น กลุ่มนี้รู้จักตลาดเมืองไทยมาระดับนึ่งแล้ว หากพร้อมก็โอนได้ ซึ่งคนจีนเข้ามาซื้ออสังหาฯ ไทยมากที่สุด จึงทำให้มีนักเก็งกำไรระยะสั้นมากขึ้นด้วย

นางนลินรัตน์ กล่าวต่อว่า ปัจจุบัน ดีมานด์จากชาวจีนยังมีอยู่ แต่อาจจะน้อยกว่าในช่วงครึ่งปีแรก 2561 โดยในครึ่งปีหลังเทียบครึ่งปีแรก กำลังซื้อจากกลุ่มลดลงไปประมาณ 10% และประเมินว่าครึ่งปีหลังของปี 2562 จะกลับมาคงที่ ส่วนประเด็นที่คนจีนรู้สึกว่าซื้อแพงกว่าคนไทย และอาจจะไม่โอนกรรมสิทธิ์นั้น เชื่อว่าคนจีนจะไม่ทิ้งเงินดาวน์ เนื่องจากการที่ชาวต่างชาติวางเงินดาวน์สูง 20-30% จะรู้สึกเสียดายไม่กล้าทิ้งดาวน์ แต่อาจต่อรองเพิ่ม เช่น ลดราคา และหาผู้เช่า

อย่างไรก็ตาม การทำตลาดเจาะกลุ่มลูกค้าคนจีนในปัจจุบัน กลุ่มเอเยนต์อสังหาฯ เริ่มออกไปทำตลาดเมืองรองของประเทศจีนมากขึ้น โดยกำลังซื้อของกลุ่มชาวจีน จะซื้อคอนโดในเมืองไทยรูปแบบอัลตราลักชัวรีราคา 10 ล้านบาทขึ้นไป แต่ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา เริ่มเห็นการซื้อของในราคาที่ต่ำลงมากขึ้น ราคาต่ำถึง 2 ล้านบาทต่อยูนิต

นางนลินรัตน์ กล่าวอีกว่า การพัฒนาโครงการเพื่อจับกลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติจะต้องพิจารณาจากความต้องการและไลฟ์สไตล์ของชาวต่างชาติ ซึ่งมีผู้ประกอบการบางรายประเมินผิด เช่น มีผู้ประกอบการอสังหาฯ บางรายต้องการเจาะกลุ่มลูกค้าชาวจีน ไปพัฒนาโครงการในย่านเพชรเกษม ซึ่งใกล้รถไฟฟ้าเดินทางไปเยาวราช ได้สะดวก แต่กลับไม่ได้รับความนิยม และไม่มาซื้อ เนื่องจากคนจีนไม่รู้จัก เพราะชาวจีนนิยมอยู่แถวรัชดากับสุขุมวิท ขณะที่ชาวสิงคโปร์ ฮ่องกง ที่เริ่มเห็นการซื้อในทำเลสาทร หรือข้ามไปฝั่งธนบุรีต้นๆ

ขณะเดียวกัน ตลาดญี่ปุ่นเริ่มสนใจคอนโดมิเนียมริมแม่น้ำเจ้าพระยา เพราะมีห้างทาคามาชิยามา ของญี่ปุ่น มาร่วมเปิดในไอคอนสยาม ทำให้แถวนั้นเริ่มทำตลาดให้ชาวญี่ปุ่นซื้อลงทุนปล่อยเช่าให้คนทำงานในย่านนั้น ซึ่งมีเอเยนต์ของญี่ปุ่นเข้ามาเจรจา ซึ่งผลตอบแทนการลงทุน 4-5% ชาวญี่ปุ่นก็ซื้อแล้ว แต่การเข้ามาลงทุนนั้นยังไม่แซงกลุ่มลูกค้าชาวจีนอย่างแน่นอน

สำหรับปัจจัยลบในปีหน้าจะมีความไม่แน่นอนทางการเมืองภายในประเทศ มาตรการคุมสินเชื่อที่อยู่อาศัยของธนาคารแห่งประเทศไทย อัตราดอกเบี้ยขยับสูงขึ้น สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน สินค้าและที่ดินราคาแพงขึ้น ส่วนปัจจัยบวกตลาดเมืองไทยเป็นเมืองที่ต่างชาติชอบอยู่อาศัย และราคาอสังหาฯ ยังไม่แพงเมื่อเทียบกับหลายประเทศ เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม การมีมาตรการคุมสินเชื่อที่อยู่อาศัยของธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นการลดความร้อนแรงของตลาดอสังหาฯ ได้ระดับหนึ่ง ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งที่ดี ส่วนการที่ผู้ประกอบการคนไทยจะหันไปเน้นกลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติ หลังจากมาตรการคุมสินเชื่อของธนาคารแห่งประเทศไทยนั้น ผู้ประกอบการจะต้องหาคนที่ซื้อจริง โดยไม่ควรพึ่งเอเยนต์ไทยในการไปทำตลาดต่างชาติ และคิดค่าธรรมเนียมที่สูงถึง 20% ซึ่งเชื่อว่า ตลาดต่างชาติยังคงเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะตลาดชาวจีน เนื่องจากมีประชากรจำนวนมากยังสามารถโตได้อย่างต่อเนื่องในอนาคต ตลาดต่างชาติอื่นๆ เช่น CLMV น่าจะเข้ามาซื้อเพิ่มได้ แต่ยังไม่ใช่ตลาดหลักที่จะเข้ามาซื้อคอนโดฯ ในไทย


กำลังโหลดความคิดเห็น