xs
xsm
sm
md
lg

“PYLON” ฟันกำไรไตรมาส 3/61 ทะลัก 1,062.84% ตุน Backlog 900 ล้านบาท

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

ชเนศวร์  แสงอารยะกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไพลอน จำกัด (มหาชน) หรือ PYLON
PYLON ฟันกำไรไตรมาส 3/61 เพิ่มขึ้นกว่า 1,062.84% หรือกว่า 55.11 ล้านบาท จากไตรมาส 3/60 ที่กำไรสุทธิ 4.74 ล้านบาท กวาดรายได้ 417.28 ล้าน ขณะที่งวด 9 เดือน มีกำไรสุทธิ 157.48 ล้านบาท โตกว่า 104% และมีรายได้ 1,048.60 ล้านบาท คาดไตรมาส 4/61 แนวโน้มเติบโตดี มองภาพรวมอุตสาหกรรมก่อสร้างฐานรากขาขึ้น ล่าสุด ตุนงานในมือแล้วกว่า 900 ล้านบาท และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในปี 2562 จากโครงการลงทุนของทั้งภาครัฐ และเอกชน

นายชเนศวร์ แสงอารยะกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไพลอน จำกัด (มหาชน) หรือ PYLON ผู้ประกอบการธุรกิจรับเหมาก่อสร้างงานฐานราก (เสาเข็มเจาะ) เปิดเผยว่า ผลประกอบการของบริษัทฯ และบริษัทย่อยในงวดไตรมาส 3 ปี 2561 สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2561 บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิ 55.11 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 4.74 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 50.37 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 1,062.84% โดยมีรายได้จากการให้บริการ 417.28 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้ 107.40 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 309.88 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 288.53%

ส่วนผลประกอบการของบริษัทฯและบริษัทย่อยในงวด 9 เดือน ปี 2561 ( 1 ม.ค.-สิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย. 2561) บริษัทฯและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิ 157.48 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 76.85 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 80.63 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 104.92% ส่วนรายได้จากการให้บริการ 1,048.60 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้จากการให้บริการ 530.18 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 518.42 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 97.78%
 
“ผลประกอบการปี 2561 คาดว่าจะเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ เพราะ 9 เดือนที่ผ่านมา บริษัทฯสามารถสร้างผลประกอบการทั้งในส่วนของรายได้ กำไร ได้ดีแบบก้าวกระโดด โดยเฉพาะในไตรมาส 4/61จะเป็นไตรมาสที่ดีที่สุด เนื่องจากโครงการต่างๆ สามารถเดินหน้าได้เต็มที่ หลังจากล่าช้าในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา โดยบริษัทยังเดินหน้าประมูลงานใหม่อย่างต่อเนื่อง เพราะมีความพร้อมด้านเครื่องจักร อุปกรณ์ และเครื่องมือก่อสร้างที่ทันสมัย ปัจจุบัน บริษัทมีงานที่รอรับรู้รายได้ (Backlog) ที่ 900 ล้านบาท คาดว่าจะรับรู้รายได้ในปีนี้ประมาณ 50%” นายชเนศวร์ กล่าว
 
ทั้งนี้ แนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 4/2561 จะเป็นไตรมาสที่มีการเติบโตสูงสุด เนื่องจากเริ่มดำเนินงานได้เต็มที่ในงานที่ได้รับมาก่อนหน้านี้ รวมถึงงานที่เลื่อนออกมาในช่วงก่อนหน้านี้ อาทิ งานรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ที่กำลังเร่งก่อสร้างในขณะนี้ ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทใช้เครื่องจักรได้อย่างเต็มกำลัง อยู่ที่ประมาณ 22 ชุด และมีอัตราการใช้กำลังการผลิตเพิ่มเป็น 90% และมองว่า ภาพรวมอุตสาหกรรมก่อสร้างฐานรากปี 2562 ยังเป็นช่วงขาขึ้น จากงานก่อสร้างภาคเอกชน และรถไฟฟ้าสายต่างๆ รวมถึงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ เช่น โครงการรถไฟเชื่อม 3 สนามบิน มูลค่า 2.5 แสนล้านบาท และยังมีการขยายสนามบินอู่ตะเภา ทางด่วน และรถไฟฟ้าสายต่างๆ ในเขตกรุงเทพฯ ซึ่งต้องมีการเจาะเสาเข็ม และงานฐานราก ส่งผลบวกต่อบริษัทโดยตรง เนื่องจากบริษัทเป็นผู้ประกอบธุรกิจรับเหมาก่อสร้างงานฐานราก


กำลังโหลดความคิดเห็น