xs
xsm
sm
md
lg

“โกลเบล็ก” มองหุ้นไทยสัปดาห์นี้ได้แรงหนุนเม็ดเงิน LTF ช่วยพยุง เลือกตั้งเดินหน้าตามแผน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


โกลเบล็ก มองหุ้นไทยสัปดาห์นี้ได้แรงหนุนเม็ดเงิน LTF ช่วยพยุง เลือกตั้งเดินหน้าตามแผน ส่วนปัจจัยด้านลบที่ยังคงกดดันการลงทุนอยู่ในช่วงนี้ ยังคงเป็นปัจจัยต่างประเทศเป็นหลัก

น.ส.วิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล. โกลเบล็ก (GBS) กล่าวว่า ดัชนีหุ้นไทยในสัปดาห์นี้ ได้รับปัจจัยบวกจากเม็ดเงินกองทุน LTF ช่วงปลายปีช่วยพยุงตลาดหุ้นไทย ประกอบกับไทม์ไลน์เลือกตั้งชัดเจนมากขื้น หลังจากพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.2561 เริ่มมีผลบังคับใช้ในวันที่ 11 ธ.ค.2561 รวมทั้งคาดการณ์ผลการประชุม กนง. มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับเดิมเพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวต่อเนื่องของเศรษฐกิจ

ส่วนปัจจัยด้านลบที่ยังคงกดดันการลงทุนอยู่ในช่วงนี้ยังคงเป็นปัจจัยต่างประเทศเป็นหลัก อาทิ นักลงทุนยังคงกังวลสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน และจับตาผลการเจรจานอกรอบระหว่าง ปธน.สหรัฐฯ และ ปธน.จีน ในการประชุมกลุ่ม G20 รวมถึงธนาคารกลางสหรัฐฯ ส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมเดือนหน้า และคาดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้งในปีหน้า

นอกจากนี้ ยังมีความกังวลต่อภาวะชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน จากการเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ในเดือน ต.ค. ขยายตัว 3.3% จากปีก่อน และ 0.4% จากเดือนก่อน ชะลอตัวลงจากเดือน ก.ย. ขณะที่ก่อนหน้านี้ จีนเปิดเผยตัวเลขอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) ในช่วงไตรมาส 3 ขยายตัว 6.5% จากปีก่อน ชะลอตัวลงจากระดับ 6.7%ในช่วงไตรมาส 2 และ Fund Flow ไหลออก โดยตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน นักลงทุนต่างชาติมีสถานะขาย 2.73 แสนล้านบาท

สำหรับปัจจัยที่น่าจับตาในสัปดาห์นี้ ได้แก่ วันที่ 13 พ.ย. อียู เปิดเผยความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจเดือน พ.ย. สหรัฐฯ เปิดเผยความเชื่อมั่นของธุรกิจขนาดย่อมเดือน ต.ค. วันที่ 14 พ.ย. กำหนดประชุม กนง. และกำหนดวันสุดท้ายในการส่งงบการเงินในช่วงไตรมาส 3/2561 ของบริษัทจดทะเบียน และอียู รายงานตัวเลข GDP ไตรมาส 3/2561 (ประมาณการครั้งที่ 2) และการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือน ก.ย. สหรัฐฯ เปิดเผยอัตราเงินเฟ้อเดือน ต.ค. จีน เปิดเผยการลงทุนในสินทรัพย์ถาวร การผลิตภาคอุตสาหกรรม ยอดค้าปลีก และยอดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI)

รวมถึงในวันที่ 15 พ.ย. สหรัฐฯ เปิดเผย จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ยอดค้าปลีกเดือน ต.ค. ดัชนีภาคการผลิตเดือน พ.ย. ดัชนีการผลิตเดือน พ.ย. สต๊อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือน ก.ย. และสต๊อกน้ำมันรายสัปดาห์ วันที่ 16 พ.ย. อียู เปิดเผยอัตราเงินเฟ้อเดือน ต.ค. สหรัฐฯ เปิดเผยการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือน ต.ค. วันที่ 17-18 พ.ย. การประชุมกลุ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชียแปซิฟิก (เอเปก) และในวันที่ 19 พ.ย. สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) แถลงตัวเลข GDP ไตรมาส 3/61

ด้านนายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์โกลเบล็ก จำกัด กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นในสัปดาห์นี้ ผันผวนในกรอบ 1,630-1,680 จุด โดยแนะนำเก็งกำไรในหุ้นแนะนำประจำเดือน พ.ย. ได้แก่ AUCT, XO, SPALI, KKP รวมถึงหุ้นที่ได้อานิสงส์จากเงินบาทอ่อนค่าสู่ 33.05 หนุนกลุ่มส่งออก ได้แก่ CPF, SVI, XO และหุ้นที่ได้ประโยชน์จากกรณี ครม.ยกเลิกค่าธรรมเนียมวีซ่านักท่องเที่ยวจนถึงสิ้นเดือน ม.ค.62 แนะนำ AOT, CENTEL, ERW

ด้านแนวทางการลงทุนในทองคำ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล. โกลเบล็ก กล่าวว่า การเลือกตั้งกลางเทอมของสหรัฐฯ มีผลให้นักลงทุนคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะสามารถปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายได้อย่างต่อเนื่อง โดยปราศจากแรงกดดันทางการเมืองจากพรรครีพับลิกัน อีกทั้งการส่งสัญญาณล่าสุดจากการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟด (FOMC) ทำให้ตลาดมั่นใจมากขึ้นว่าจะสามารถดำเนินนโยบายการเงินได้อย่างราบรื่นในปีหน้า ทั้งการปรับลดงบดุล และการปรับขึ้นดอกเบี้ย

ขณะที่สงครามการค้าโลกมีแนวโน้มจะบรรเทาเบาบางลงจากความคาดหวังถึงผลลัพธ์หลังการพบกันระหว่างผู้นำจีน กับสหรัฐฯ ที่การประชุม G20 ในช่วงสิ้นเดือนนี้ ซึ่งมีผลให้สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ กลับมาแข็งค่า และกดให้ราคาทองคำปรับตัวลดลงเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันส่งสัญญาณพร้อมจะรีบาวนด์ขึ้นจากระดับแนวรับสำคัญ หลังจากที่ร่วงลงมาตลอด 1 เดือน โดยมีข้อตกลงลดการผลิตในกลุ่ม OPEC เป็นปัจจัยบวก ซึ่งจะส่งผลต่อราคาทองคำในแง่ต้นทุนการผลิตที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ เงินบาทยังมีทิศทางที่อ่อนค่าจากการแข็งขึ้นของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ทำให้ราคาทองคำในประเทศแกว่งลงในลักษณะปรับฐานระหว่างขาขึ้นเท่านั้น ทั้งนี้ แนะนำ trading ในกรอบราคาระหว่าง 1,200-1,250 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อออนซ์


กำลังโหลดความคิดเห็น