บิ๊กพฤกษาฯ คาดการณ์ตลาดอสังหาฯ ปี 62 โตแค่ 0-5% ชี้กฎเหล็ก ธปท. คุมแบงก์ปล่อยกู้ LTV Limit 80% ฉุดตลาดทรงตัว หากคลายเกณฑ์คาดอสังหาฯ โตไม่เกิน 5% ลุ้น 9 พ.ย. ธปท. สรุปเกณฑ์คุมสินเชื่ออสังหาฯ ล่าสุด เปิดขาย “เดอะรีเซิฟ 61 ไฮด์อะเวย์” ทองหล่อ
นายประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจพฤกษา เรียลเอสเตท-พรีเมียม บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 61 คาดว่าจะมียอดขายประมาณ 480,000 ล้านบาท เติบโตราว 10% เมื่อเทียบกับปี 60 ที่มียอดขาย 432,000 ล้านบาท แบ่งเป็นบ้านแนวราบ 46% และคอนโดมิเนียม 54% ขณะที่ยอดเปิดตัวโครงการใหม่ทั้งปี คาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 430,000-440,000 ล้านบาท ทรงตัวใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา โดยในช่วงครึ่งปีแรกตลาด -1% เนื่องจากในไตรมาส 2 เปิดตัวโครงการใหม่น้อย แต่มาเร่งเปิดตัวมากสุดในไตรมาส 3 ที่ผ่านมา และโครงการที่เปิดตัวส่วนใหญ่เป็นโครงการระดับไฮเอนด์ ราคาแพงทำให้มูลค่าโครงการสูง
สำหรับภาพรวมตลาดในปี 62 คาดว่าจะเติบโตตั้งแต่ 0-5% โดยขึ้นอยู่กับปัจจัยหากธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ ธปท. ยืนยันที่จะใช้เกณฑ์ LTV เดิม คือ 80% ในกรณีกู้สัญญาที่ 2 และบ้านราคาตั้งแต่ 10 ล้านบาทขึ้นไป ก็เชื่อว่าตลาดจะไม่โต หรือติดลบ แต่หาก ธปท. ผ่อนคลายเกณฑ์ควบคุมการปล่อยสินเชื่อก็เชื่อว่าจะทำให้ตลาดอสังหาฯ เติบโตได้ไม่เกิน 5% โดย ธปท. เตรียมประกาศข้อสรุปมาตรการควบคุมสินเชื่อภายหลังจากรวบรวมความคิดเห็นจากผู้ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายแล้ว
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของลูกค้าตลาดบนส่วนใหญ่ที่มีกำลังซื้ออยู่แล้ว จะให้ความสำคัญต่อส่วนต่างของมูลค่าสินทรัพย์ที่เพิ่มขึ้นมากกว่า แม้ว่ากรณีที่จะต้องใช้เงินดาวน์เพิ่มขึ้น แต่ลูกค้ากลุ่มนี้จะมีความสามารถในการหาเงินที่ต้องมาจ่ายเพิ่มได้ไม่ยาก
ส่วนตลาดระดับบน ในปี 62 คาดว่าจะมีการแข่งขันที่ดุเดือด เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมา ผู้ประกอบการพัฒนาสินค้าไฮเอนด์ออกมาจำนวนมาก ขณะที่กลุ่มลูกค้ามีจำนวนจำกัด ซึ่งหลังจากนี้ ผู้ประกอบการจะต้องปรับตัว และหากลยุทธ์การพัฒนาโครงการเพื่อให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายให้ได้มากที่สุด
นายประเสริฐ กล่าวต่อว่า บริษัทตั้งเป้ายอดขายของกลุ่มพรีเมียมในปี 62 ที่ 8,000 ล้านบาท เป้ายอดโอน 6,000 ล้านบาท ซึ่งการเปิดโครงการใหม่ในปี 62 จะเน้นเจาะกลุ่มลูกค้าเฉพาะ หรือ Exclusive Demand เพื่อขยายตลาดใหม่ๆ และต่อยอดการพัฒนโครงการในกลุ่มระดับบน เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า และสามารถแข่งขันกับคู่แข่งในตลาดได้ อีกทั้งยังคงเน้นกลุ่มลูกค้า High Networth ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าหลักที่ซื้อโครงการของบริษัทในกลุ่มพรีเมียม
ส่วนยอดขายในปีนี้ คาดว่าจะสามารถทำได้มากกว่า 7,000 ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายที่วางเอาไว้เดิม 6,800 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันมียอดขายแล้ว 7,000 ล้านบาท และเหลือโครงการที่จะเปิดตัวใหม่อีก 2 โครงการ ส่วนเป้าหมายยอดโอนของสินค้าในกลุ่มพรีเมียม ในปี 62 บริษัทคาดว่าจะเติบโต 200-300% หรือมาอยู่ที่ 6,000 ล้านบาท จากปีนี้ที่กลุ่มพรีเมียมจะมียอดโอนที่ 2,000 ล้านบาท โดยที่ในปี 62 จะมีการโอนต่อเนื่องของโครงการ Chapter One Eco รัชดา-ห้วยขวาง เข้ามามากขึ้นกว่าปี 61 ที่มีโอนเพียง 2,000 ล้านบาท และจะมีโครงการ The Reserve ทองหล่อ 2 เริ่มโอนในช่วงไตรมาส 3/62 โดยที่ปัจจุบัน บริษัทมีมูลค่ายอดขายรอโอน (Backlog) ของกลุ่มพรีเมียมทั้งหมด 16,000 ล้านบาท ซึ่งคิดเป็น 42% ของ Backlog ทั้งหมดในปัจจุบันที่ 37,000 ล้านบาท ที่เหลือเป็นกลุ่มแวลู 47% และทาวน์เฮาส์ 11% ซึ่งจะทยอยรับรู้ไปจนถึงปี 64
นายประเสริฐ กล่าวต่อว่าในช่วงที่เหลือของปีนี้บริษัทเตรียมเปิดโครงการใหม่ 2 โครงการ ล่าสุด เตรียมเปิดขายโครงการ The Reserve 61 Hideaway มูลค่า 2,700 ล้านบาท เป็นคอนโดมิเนียม Low rise 7 ชั้น ตั้งอยู่ใน ซ. สุขุมวิท 61 ราคาขายเฉลี่ย 260,000 บาทต่อตารางเมตร หรือราคาขายอยู่ที่ 12-60 ล้านบาท โดยจะเปิดพรีเซลในวันที่ 10-11 พ.ย.นี้ ซึ่งตั้งเป้าในช่วงวันพรีเซลจะสามารถทำยอดขายได้ 70% โดยที่ปัจจุบันมีกลุ่มลูกค้า High Networth เข้ามาจองซื้อไว้แล้ว 60%
ส่วนในช่วงเดือน ธ.ค.ที่จะถึงนี้ บริษัทจะเปิดการขายแบบ Soft launch คอนโดฯ อีก 1 โครงการในกลุ่มพรีเมียม ซึ่งจะพัฒนาเป็นโครงการคอนโดฯ Low Rise ย่านทองหล่อ มูลค่า 1,750 ล้านบาท ราคาขายเฉลี่ย 150,000 บาทต่อตารางเมตร ซึ่งคาดว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้า ซึ่งปัจจุบัน โครงการของกลุ่มพรีเมียมที่ได้เปิดไปแล้วมีทั้งหมด 7 โครงการ มูลค่ารวม 18,000 ล้านบาท ณ สิ้นเดือนตุลาคม มียอดขายรวมทั้งหมด 16,000 ล้านบาท
