xs
xsm
sm
md
lg

“นอร์ทอีส รับเบอร์” หงอย! เปิดเทรดวันแรกต่ำจอง เหตุวิกฤติยางพารากดดัน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


“นอร์ทอีส รับเบอร์” เปิดเทรดหุ้น IPO ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เป็นวันแรก เปิดตลาดที่ 2.22 บาทต่อหุ้น ราคาร่วงกราวรูด 0.36 บาทต่อหุ้น จากราคา IPO ที่ 2.58 บาทต่อหุ้น ผู้บริหารย้ำไม่หวั่น ตั้งเป้านำเงินที่ได้จากการระดมทุน ไปซื้อเครื่องจักร และสร้างโรงงานใหม่ เพื่อขยายกำลังการผลิตสินค้ายางพาราแปรรูปอีกเท่าตัวภายในปี 2563 ไม่หวั่นราคายางผันผวน เพราะเตรียมตั้งรับความเสี่ยงไว้แล้ว โดยใช้นโยบาย matching ออเดอร์ ด้านที่ปรึกษามั่นใจราคาหุ้นสะท้อนธุรกิจ และผลประกอบการที่เติบโตต่อเนื่องจากธุรกิจ มุ่งเน้นกลุ่มลูกค้าตลาดทั้งในและต่างประเทศ

นายชูวิทย์ จึงธนสมบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. นอร์ทอีส รับเบอร์ หรือ NER ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ยางพาราแปรรูป เปิดเผยว่า การเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ในวันนี้ ถือว่าเป็นก้าวสำคัญของบริษัท ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความตั้งใจและความมุ่งมั่นของคณะกรรมการ คณะผู้บริหาร และทีมงานของบริษัท ที่ต้องการระดมทุนเพื่อการขยายธุรกิจ และสร้างความน่าเชื่อถือในระดับสากลให้เป็นที่ยอมรับจากคู่ค้า และพันธมิตรทางธุรกิจ

“การระดมทุนครั้งนี้ NER จะนำไปปรับปรุงเครื่องจักรยางแผ่นผสม (RSS Mixtures Rubber) ทำให้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้น 60,000 ตันต่อปี ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2562 และมีแผนที่จะสร้างโรงงานใหม่เพื่อขยายกำลังการผลิตยางแท่ง (STR) และยางแท่งผสม (Mixtures Rubber) กำลังการผลิต 172,800 ตันต่อปี ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2563 ซึ่งหากโรงงานใหม่แล้วเสร็จ จะส่งผลให้กำลังการผลิตรวมทั้งหมดของบริษัทเพิ่มขึ้นเป็น 465,600 ตันต่อปี จากปัจจุบันที่มีกำลังการผลิต 232,800 ต่อปี ส่วนเงินระดมทุนส่วนที่เหลือจะนำไปใช้เป็นทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ”

สำหรับการแข่งขันด้านราคายางนั้น เนื่องจากบริษัทมีนโยบายการกำหนดราคาขายแบ่งออกเป็น 2 แบบ คือ การขายแบบครั้งเดียว (Spot) และการขายแบบมีสัญญาระยะยาว (Long term contract) ซึ่งบริษัทใช้วิธีการ matching ออเดอร์ และกำหนดราคาขายสินค้าด้วยวิธีต้นทุนบวกด้วยกำไร (Cost plus margin) ประกอบกับการพิจารณาราคาตลาดของสินค้าขณะนั้น โดยสินค้าของบริษัทมีคุณภาพตามมาตรฐาน นอกจากนี้ บริษัทยังมีการจัดทำสัญญากับลูกค้าทุกรายที่มีการซื้อขายกัน โดยจะจัดทำสัญญาเมื่อมีการตกลงซื้อขายกันสำเร็จ

ขณะที่นายสมภพ ศักดิ์พันธ์พนม ประธานกรรมการ บริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด หรือ APM ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวว่า NER ถือว่าเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมยางพาราในภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่มีประสบการณ์การดำเนินธุรกิจกว่า 12 ปี ปัจจุบันมียอดขายในประเทศคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 60 และต่างประเทศร้อยละ 40 สำหรับแผนธุรกิจของบริษัทมีแผนการขยายกำลังการผลิตตลอดจนหาลูกค้าใหม่ เพื่อรองรับกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน และสำหรับการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) จะช่วยให้ NER มีฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง อีกทั้งเพิ่มโอกาสทางธุรกิจทั้งในและต่างประเทศให้เป็นที่ยอมรับมากยิ่งขึ้น ซึ่งเชื่อมั่นว่าจะทำให้บริษัทสามารถขยายตลาด และสร้างการเติบโตได้อย่างต่อเนื่องและยั่งยืนในระยะยาว

สำหรับผลการดำเนินงานของบริษัทในปี 2560 มีรายได้ 9,819.70 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 224.12 ล้านบาท และสำหรับงวด 6 เดือนแรกของปี 2561 บริษัทมีรายได้รวม 3,976.51 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 166.67 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 4.19%


กำลังโหลดความคิดเห็น