สศค. ประกาศคงตัวเลขคาดการณ์อัตราการเจริญเติบโตศรษฐกิจไทยตลอดปี 61 ไว้ที่ 4.5 % เผย ส่วนหนึ่งยังเป็นผลมาจากโดยรวมในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ เศรษฐกิจไทยยังสามารถขยายตัวได้ถึง 4.8 % พร้อมปรับลดตัวเลขคาดการณ์ล่าสุดในเดือน ต.ค. โดยระบุอัตราการขยายตัวของการบริโภคในภาคเอกชนล่าสุดสำหรับปี 61 จะอยู่ที่ 4.2 %
นายวโรทัย โกศลพิศิษฐ์กุล ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการคลัง สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) แถลงถึงผลการประเมินเศรษฐกิจไทยครั้งล่าสุดสำหรับปี 61 ว่า สศค. ยังคงอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในอัตราเดิมที่เคยประเมินไว้เมื่อเดือน ก.ค. 61ที่คาดว่าอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจจะอยู่ที่ 4.5 % โดยมีช่วงคาดการณ์อยู่ที่ 4.3 -4.7% โดยการขยายตัวทางเศรษฐกิจในปี 61 นั้จะเป็นอัตราการขยายตัวที่เร่งขึ้นจาก 60 ซึ่งเศรษฐกิจไทยสามารถขยายตัวได้เพียง 3.9 %
อย่างไรก็ตาม สาเหตุที่ สศค. ยังคงอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจปี 61 ไว้ที่ 4.5 % นั้น ส่วนหนึ่งยังเป็นผลมาจากการขยายตัวทางเศรษฐกิจโดยรวมในช่วงครึ่งแรกของปีที่สามารถขยายตัวได้ถึง 4.8 % โดยได้รับแรงผลักดันจากการบริโภคและการลงทุนภายในประเทศ ทั้งนี้ สศค. ได้คาดการณ์ถึงอัตราการขยายตัวของการบริโภคในภาคเอกชนล่าสุดสำหรับปี 61 จะอยู่ที่ 4.2 % ซึ่งสูงขึ้นจากที่เคยคาดการณ์ไว้เมื่อเดือน ก.ค. ว่าจะขยายตัวที่ระดับ 3.8% ส่วนการบริโภคภาครัฐนั้น คาดปีนี้จะขยายตัวได้ 2.6 % ลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบจากคาดการณ์ที่เคยให้ไว้ในเดือน ก.ค. ที่ 2.9 % ด้านผลการคาดการณ์ถึงอัตราการขยายตัวของการลงทุนในภาคเอกชนทั้งตัวเลขคาดการณ์เดิมในเดือน ก.ค. และตัวคาดการณ์ใหม่ในเดือน ต.ค.จะยังคงอยู่ที่ 3.9% ขณะที่ตัวเลขคาดการณ์การลงทุนภาครัฐที่ได้ประเมินใหม่ในเดือน ต.ค. นั้น จะอยู่ที่ 5.1% ลดลงจากที่เคยคาดการณ์ไว้ในเดือน ก.ค. ว่าจะอยู่ที่ระดับ 7.9 %
นอกจากนี้ นายวโรทัย ยังกล่าวถึงแนวโน้มการขยายตัวทางเศรษฐกิจคู่ค้าของไทย 15 ประเทศว่า มีแนวโน้มชะลอตัวลง ทั้งนี้ ผลคาดการณ์ในปัจจุบันถึงเศรษฐกิจคู่ค้าดังกล่าวนั้นจะมีการขยายตัวเฉลี่ยที่ 3.99% เมื่อเทียบจากผลคาดการณ์ในเดือน ก.ค. ที่เคยอยู่ที่ 4.03% ซึ่งจะส่งผลให้การขยายตัวของมูลค่าการส่งออกไทยลดต่ำลงกว่าที่คาดไว้เล็กน้อย โดยมูลค่าการส่งออกของไทยในเดือน ก.ย. 61 มีการขยายตัวติดลบที่ระดับ 5.1 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 60 แต่อย่างไรก็ตาม การขยายตัวของมูลค่าการส่งออกของไทยดังกล่าวจะอยู่ในอัตราที่ติดลบเพียง 0.1% หลังทำการหักมูลค่าส่งออกทองคำและรถยนต์ที่ขยายตัวสูงในช่วงเดียวกันของ 60 ทั้งนี้ ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 61 มูลค่าการส่งออกของไทยจะมีการขยายตัวแล้ว 8.1 % ด้านการคาดการณ์ถึงตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติล่าสุดเมื่อเดือน ต.ค. นั้น สศค. คาดว่าจะมีทั้งสิ้นราว 38 ล้านคน ซึ่งลดลงจากคาดการณ์เดิมเมื่อเดือน ก.ค. ที่คาดว่าจะมีจำนวนนักท่องเที่ยวเดินทางมายังประเทศไทย 39.5 ล้านคน
อย่างไรก็ตาม มูลค่าการส่งออกของไทยในเดือน ก.ย. 61 มีการขยายตัวติดลบที่ระดับ 5.1 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 60 แต่อย่างไรก็ตาม การขยายตัวของมูลค่าการส่งออกของไทยดังกล่าวจะอยู่ในอัตราที่ติดลบเพียง 0.1% หลังทำการหักมูลค่าส่งออกทองคำและรถยนต์ที่ขยายตัวสูงในช่วงเดียวกันของ 60 ทั้งนี้ ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 61 มูลค่าการส่งออกของไทยจะมีการขยายตัวแล้ว 8.1 % ด้านการคาดการณ์ถึงตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติล่าสุดเมื่อเดือน ต.ค. นั้น สศค. คาดว่าจะมีทั้งสิ้นราว 38 ล้านคน ซึ่งลดลงจากคาดการณ์เดิมเมื่อเดือน ก.ค. ที่คาดว่าจะมีจำนวนนักท่องเที่ยวเดินทางมายังประเทศไทย 39.5 ล้านคน
ทั้งนี้ สศค. ยังได้ปรับตัวเลขรายได้จากการท่องเที่ยวในปี 61 ใหม่ โดยคาดว่าจะอยู่ที่ 2.01 ล้านล้านบาท ลดลงจากที่เคยคาดการ์ณเดิม 2.08 ล้านล้านบาท ส่วนค่าเงินบาทโดยเฉลี่ยทั้งปี 61ยังอยู่ที่ 32.25 บาท/ดอลลาร์สหรัฐฯ โดยเท่ากับค่าเงินบาทที่เคยคาดการณ์เดิม เช่นเดียวกับดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่ยังคงคาดว่าจะอยู่ที่ 1.5 % อย่างไรก็ตาม ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการคลัง ยังย้ำว่า ความเสี่ยงของเศรษฐกิจไทยที่ยังคงต้องติดตามคือ สงครามการค้าระหว่างสหรัฐกับจีน รวมถึงความผันผวนในตลาดการเงินโลก
ด้านนายพรชัย ฐีระเวช ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการเงิน ในฐานะโฆษกสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กล่าวเพิ่มเติมว่าการส่งออกในปีนี้ของไทยอาจผิดปกติเล็กน้อยจากกุศโลบายการตอบโต้ทางการค้าระหว่าง 2 ประเทศมหาอำนาจ ซึ่งทำให้ประเทศไทยคาดการณ์ถึงภาพรวมการส่งออกได้ยาก อีกทั้งยังต้องฟังว่ากระทรวงพาณิชย์ที่เป็นหน่วยงานดูแลเรื่องการส่งออกจะออกมาตรการใดมารองรับ อย่างไรก็ตาม ตนมองว่า การทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนในระยะยาวน่าจะทำให้เกิดการย้ายฐานการผลิต และหาสินค้าจากประเทศอื่นๆ เข้ามาทดแทน โดยหนึ่งในนั้นคือประเทศไทย ซึ่งมีสัญญาณที่บ่งบอกว่าเริ่มมีการใช้สินค้าไทยทดแทนสินค้าจีนมากขึ้น โดยในเดือน ก.ย. การส่งออกยางและพลาสติกจากไทยไปยังสหรัฐฯ ได้ขยายตัวสูงถึง 64 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ส่วนสินค้าประเภทอาหารสัตว์เลี้ยงจากไทยไปจะมีการขยายตัว 34 %