xs
xsm
sm
md
lg

เริ่มแล้ว..วิกฤตหุ้นรอบใหม่ / สุนันท์ ศรีจันทรา

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ตลาดหุ้นถูกถล่มหนัก จนกระดานหุ้นแดงเถือกมาหลายวันแล้ว และไม่อาจประเมินได้ว่า การปรับฐานใหญ่รอบนี้ดัชนีราคาหุ้นตลาดหลักทรัพย์จะลงไปลึกขนาดไหน


เพียงไม่กี่วันทำการ ดัชนี ฯ ทรุดลงไปกว่า 100 จุด และมีแนวโน้มที่จะหลุดจากระดับ 1,600 จุด เพราะข่าวร้ายยังกระหน่ำไม่หยุด


สถานการณ์การลงทุนในตลาดหุ้น เข้าสู่วิกฤตเต็มตัว โดยชนวนเกิดจากตลาดหุ้นสหรัฐที่ดิ่งลงแรงต่อเนื่อง ส่งผลกระทบไปยังตลาดหุ้นทั้งโลก

คล้ายเหตุการณ์แบล็คมันเดย์ เมื่อวันจันทร์ที่ 19 ตุลาคม 2530 ซึ่งดัชนีทรุดลงจากระดับ 472 จุด ลงไปเหลือเพียง 243 จุด หรือปรับตัวลงเกือบ 50 % ในช่วงเวลาประมาณ 2 เดือน


วิกฤตที่กำลังเกิดขึ้นในตลาดหุ้น เป็นผลพวงของความวิตกกังวลผลกระทบสงครามการค้า ระหว่างสหรัฐกับจีน แนวโน้มการขึ้นดอกเบี้ย ของธนาคารกลางสหรัฐและเศรษฐกิจโลก ที่ชะลอตัว

ส่วนตลาดหุ้นไทยยังถูกซ้ำเติมด้วยปัจจัยลบจากภายในประเทศ โดยเฉพาะปัญหาเศรษฐกิจที่ซบเซา และตัวเลขการส่งออกในเดือนกันยายนซึ่งลดลง 5.2% เป็นการส่งสัญญาณว่าแนวโน้มการส่งออกอาจซบเซา ตามเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว


แม้ปัจจัยพื้นฐานตลาดหุ้นจะดูดีขึ้น โดยสัดส่วนราคาหุ้นต่อกำไรต่อหุ้นจะลงมายืนที่ระดับ 16.04 เท่า อัตราเงินปันผลตอบแทนขยับขึ้นมาที่ 3.08 % และถือว่าหุ้นไทยไม่แพงเท่าไหร่ แต่สถานการณ์แวดล้อมการลงทุนยังไม่น่าไว้วางใจ


เพราะข่าวร้ายยังปกคลุมตลาดหุ้นจนมืดมิด ปัจจัยลบทั้งภายในและภายนอกประเทศกระหน่ำเป็นระลอก และนักลงทุนต่างชาติยังถล่มขายหุ้นไม่เลี้ยงอีกด้วย


นักลงทุนต่างชาติปักหลักขายตั้งแต่ต้นปี โดยยอดขายสะสมสุทธิพุ่งขึ้นเป็น 262,573.90 ล้านบาท สูงสุดเป็นประวัติการณ์นับแต่ก่อตั้งตลาดหุ้นในรอบ 43 ปี 

ความจริงบรรยากาศการลงทุนปีนี้เริ่มต้นด้วยความสดใส แต่เกิดขึ้นในช่วงสั้นๆเมื่อต้นปีเท่านั้น โดยดัชนี ฯ พุ่งทะยานทะลุ 1,830 จุด หลังจากนั้นอ่อนตัวลงมาตลอด รวมแล้วดัชนี ฯ ร่วงกว่า 200 จุด มูลค่าหลักทรัพย์ตลาดรวมหรือมาร์เก็ตแคปลดลงประมาณ 2 ล้านล้านบาท


ภาวะเศรษฐกิจโลกที่ย่ำแย่ กลายเป็นปัจจัยชี้นำตลาดหุ้นไทยเต็มตัว สิ่งที่ถูกจับตาต่อไปคือ ระบบเศรษฐกิจจะถูกกระทบหนักขนาดไหน ซึ่งมีการทำนายไว้แล้วว่า ปีหน้าเศรษฐกิจจะชะลอตัวลงจากปีนี้ โดยอัตราการเติบโตหรือจีดีพีจะลงลด จากที่คาดการณ์ว่า ปีนี้จีดีพีจะโตประมาณ 4.4% ปีหน้าชะลอตัวเหลือเพียง 4.2%


ผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์จะไม่เติบโตมากนัก และทำให้ตลาดหุ้นไม่สดใสตามไปด้วย


ราคาหุ้นที่ลงมาลึกขนาดนี้ ถ้าเป็นสถานการณ์ปกติ นักลงทุนคงจะแห่เข้ามาไล่ช้อนซื้อหุ้นเก็บ แต่เนื่องจากสถานการณ์ไม่ปกติ อัตราความเสี่ยงสูง นักลงทุนจึงไม่กล้าผลีผลาม


เพราะหุ้นวันนี้ ดูเหมือนว่าถูกแล้ว แต่พรุ่งนี้ยังมีโอกาสซื้อหุ้นได้ในราคาที่ถูกกว่า จึงไม่จำเป็นต้องรีบร้อนตัดสินใจ รอดูเหตุการณ์อยู่ห่าง ๆไปก่อน


ถ้ามองโลกในแง่ดี ต้องถือว่าดัชนี ฯ ปรับตัวลงมาลึก ใกล้สุดก้นเหวแล้วและไม่น่าจะลงไปอีกเท่าไหร่แล้ว โดยดัชนี ฯ แถว 1,580 จุดน่าจะรับอยู่ ตามการวิเคราะห์ด้วยปัจจัยทางเทคนิค


แต่สถานการณ์ที่เป็นจริงยังเลวร้าย เพราะไม่รู้ว่า ผลกระทบจากปัจจัยภายนอก ทั้งปัญหาสงครามการค้า แนวโน้มดอกเบี้ยขาขึ้น หรือแนวโน้มเศรษฐกิจโลกชะลอตัวจะคลี่คลายเมื่อใด


ตลาดหุ้นจึงอยู่ในช่วงฝุ่นตลบ ไม่อาจคาดหมายทิศทางในระยะสั้นได้ ใครเข้าไปมีโอกาสเจ็บตัว



กำลังโหลดความคิดเห็น