xs
xsm
sm
md
lg

กรุงศรีรายงานกำไรสุทธิ 9 เดือน เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.7

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) รายงานผลกำไรสุทธิสำหรับงวดเก้าเดือนแรกของปี 2561 จำนวน 18.7 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนไตรมาส 3 ปี 2561 มีกำไรสุทธิ 6,214 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3% เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไร 6,014 ล้านบาท โดยปัจจัยขับเคลื่อนผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งมาจากการเพิ่มขึ้นของรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ ซึ่งเป็นผลจากการเติบโตของเงินให้สินเชื่อ และการเพิ่มขึ้นของรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ย รวมทั้งการบริหารจัดการค่าใช้จ่ายที่มีประสิทธิภาพ

ขณะที่เงินให้สินเชื่อเพิ่มขึ้น 7.5% เมื่อเทียบกับ ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2560 โดยมีปัจจัยขับเคลื่อนหลักมาจากสินเชื่อเพื่อรายย่อยที่เพิ่มขึ้น 9.7% โดยครอบคลุมทั้งสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย บัตรเครดิต และสินเชื่อส่วนบุคคล ขณะที่สินเชื่อลูกค้าบรรษัทญี่ปุ่น และบรรษัทข้ามชาติ (JPC/MNC) และสินเชื่อลูกค้าธุรกิจ SME เติบโตที่ 14.6% และ 10.2% ตามลำดับ ด้านเงินรับฝาก : เพิ่มขึ้น 4.3% หรือจำนวน 57.4 พันล้านบาท เมื่อเทียบกับ ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2560 และมีส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ (NIM)อยู่ที่ 3.81% เทียบกับ 3.82% ในช่วงเดียวกันของปี 2560

ด้านรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น 9.4% หรือจำนวน 2.2 พันล้านบาทจากช่วงเดียวกันของปี 2560 ปัจจัยหลักมาจากการเพิ่มขึ้นของรายได้ค่าธรรมเนียม และบริการสุทธิ กำไรจากธุรกรรมเพื่อค้า และปริวรรตเงินตราต่างประเทศ และรายได้หนี้สูญรับคืน และมีอัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้อยู่ที่ 46.7% ปรับตัวดีขึ้นจาก 47.4% ในช่วงเดียวกันของปี 2560

คุณภาพสินทรัพย์ยังคงแข็งแกร่งโดยมีอัตราส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้อยู่ที่ระดับ 2.12% และอัตราส่วนเงินสำรองต่อสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ปรับตัวดีขึ้นมาอยู่ที่ 162.1% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดตั้งแต่วิกฤตเศรษฐกิจในเอเชีย ผลการดำเนินงานที่โดดเด่นสะท้อนถึงศักยภาพของกรุงศรี และความสามารถในการขยายธุรกิจอย่างรอบคอบ เพื่อได้ประโยชน์จากสภาพตลาดที่เอื้ออำนวยมากขึ้น

นายโนริอากิ โกโตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกรุงศรีอยุธยา กล่าวว่า ผลการดำเนินงานของกรุงศรีในช่วงเก้าเดือนแรกของปี 2561 เป็นที่น่าพอใจจากการเติบโตที่แข็งแกร่งของเงินให้สินเชื่อ ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ และอัตราส่วนเงินสำรองต่อสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ ขณะที่คุณภาพสินทรัพย์ยังคงแข็งแกร่ง โดยมีอัตราส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้อยู่ที่ระดับ 2.12% และอัตราส่วนเงินสำรองต่อสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ปรับตัวดีขึ้นมาอยู่ที่ 162.1% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดตั้งแต่วิกฤตเศรษฐกิจในเอเชีย ผลการดำเนินงานที่โดดเด่นสะท้อนถึงศักยภาพของกรุงศรี และความสามารถในการขยายธุรกิจอย่างรอบคอบ เพื่อได้ประโยชน์จากสภาพตลาดที่เอื้ออำนวยมากขึ้น

สำหรับในช่วงที่เหลือของปี 2561 ในกรณีมาตรการกีดกันทางการค้า และผลกระทบยังอยู่ในวงจำกัด ธนาคารคาดว่า เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวต่อเนื่องจากการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก แรงขับเคลื่อนจากการใช้จ่าย และการลงทุนของภาครัฐ การฟื้นตัวของการลงทุนภาคเอกชนที่ชัดเจนขึ้น และการเพิ่มขึ้นของรายได้โดยรวม ด้วยสภาพแวดล้อมในการดำเนินธุรกิจที่ปรับตัวดีขึ้น กอปรกับปัจจัยด้านฤดูกาลสำหรับสินเชื่อเพื่อลูกค้ารายย่อย และสินเชื่อเพื่อธุรกิจในไตรมาสที่ 4 ดังนั้น ธนาคารคาดการณ์ว่า อัตราการเติบโตของสินเชื่อทั้งปี 2561 จะอยู่ในกรอบ 8-10%
กำลังโหลดความคิดเห็น