xs
xsm
sm
md
lg

บีจี คอนเทนเนอร์ กล๊าส จ่อเทรด 18 ต.ค. ระดมทุนขยายธุรกิจผลิตแก้ว

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

นายแมนพงศ์ เสนาณรงค์ รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานผู้ออกหลักทรัพย์ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
บมจ. บีจี คอนเทนเนอร์ กล๊าส (BGC ) ผู้ผลิต จัดจำหน่าย ส่งออก และนำเข้าบรรจุภัณฑ์แก้วรายใหญ่ของประเทศไทย พร้อมซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ 18 ต.ค.นี้ ด้วยมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO กว่า 7,083 ล้านบาท

นายแมนพงศ์ เสนาณรงค์ รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานผู้ออกหลักทรัพย์ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ ยินดีต้อนรับ บมจ. บีจี คอนเทนเนอร์ กล๊าส เข้าจดทะเบียนและเริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในกลุ่มสินค้าอุตสาหกรรม หมวดบรรจุภัณฑ์ โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ว่า “BGC” ในวันที่ 18 ตุลาคม 2561

ขณะที่นายศิลปรัตน์ วัฒนเกษตร กรรมการผู้จัดการ บมจ. บีจี คอนเทนเนอร์ กล๊าส เปิดเผยว่า การระดมทุนจากการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ครั้งนี้ จะช่วยให้บริษัทฯ มีฐานทุนที่แข็งแกร่งขึ้น รองรับการเติบโตทางธุรกิจทั้งในประเทศ และต่างประเทศ นำไปสู่การเป็นผู้นำด้านผลิตภัณฑ์แก้วที่ครบวงจร

ทั้งนี้ BGC มีทุนชำระแล้ว 3,472.22 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 5 บาท ประกอบด้วยหุ้นสามัญเดิม 500 ล้านหุ้น และหุ้นสามัญเพิ่มทุน 194.44 ล้านหุ้น โดยเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนทั้งจำนวน 194.44 ล้านหุ้นต่อประชาชนครั้งแรก (IPO) เมื่อวันที่ 8-10 ตุลาคม 2561 ในราคาหุ้นละ 10.20 บาท คิดเป็นมูลค่าระดมทุน 1,983 ล้านบาท และมีมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 7,083 ล้านบาท โดยมี บมจ. หลักทรัพย์ กสิกรไทย เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และเป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย

อย่างไรก็ตาม ภายหลัง IPO BGC มีผู้ถือหุ้นใหญ่ 3 ลำดับแรก ได้แก่ บมจ. บางกอกกล๊าส ถือหุ้น 72% กองทุนเปิดบัวหลวงหุ้นระยะยาวถือหุ้น 0.63% และ บมจ. กรุงเทพประกันภัย ถือหุ้น 0.58% ทั้งนี้ ราคาหุ้นสามัญที่เสนอขาย IPO หุ้นละ 10.20 บาท คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E ratio) ที่ 17.7 เท่า ซึ่งคำนวณจากผลประกอบการของบริษัทในรอบ 12 เดือนที่ผ่านมา (1 กรกฎาคม 2560-30 มิถุนายน 2561) มีกำไรสุทธิเท่ากับ 400.3 ล้านบาท เมื่อหารด้วยจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วภายหลังการเสนอขายหุ้นในครั้งนี้ 694.44 ล้านหุ้น (fully diluted) คิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้น 0.58 บาท ทั้งนี้ บริษัทฯ มีนโยบายการจ่ายเงินปันผลในอัตราไม่น้อยกว่า 40% ของกำไรสุทธิจากงบเฉพาะกิจการของบริษัทฯ หลังหักภาษี และเงินสำรองตามที่กฎหมาย และข้อบังคับของบริษัทฯ กำหนด โดยมีเงื่อนไขว่า การจ่ายเงินปันผลดังกล่าวขึ้นอยู่กับความจำเป็น และความเหมาะสมอื่นๆ ตามที่คณะกรรมการบริษัทเห็นสมควร

BGC เป็นหนึ่งในผู้นำการผลิต จัดจำหน่าย ส่งออก และนำเข้าบรรจุภัณฑ์แก้วรายใหญ่ของประเทศไทย โดย BGC และกลุ่มบริษัทย่อยมีกำลังการผลิตรวมทั้งสิ้น 3,095 ตันต่อวัน และอยู่ระหว่างการก่อสร้างโรงงานผลิตบรรจุภัณฑ์แก้ว และเตาหลอมแก้วแห่งใหม่ ที่จังหวัดราชบุรี คาดว่าสามารถเริ่มผลิตเชิงพาณิชย์ภายในไตรมาสที่ 4 ปีนี้ ซึ่งจะทำให้ BGC มีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นเป็น 3,495 ตันต่อวัน ปัจจุบัน บริษัทฯ ผลิตบรรจุภัณฑ์แก้วให้กับบริษัทผู้ผลิตเครื่องดื่มและอาหารที่มีชื่อเสียง และเป็นที่รู้จักในประเทศไทย ได้แก่ กลุ่มบริษัทบุญรอดบริวเวอรี่ ที.ซี.ฟาร์มาซูติคอล อุตสาหกรรม (ผู้ผลิตเครื่องดื่มกระทิงแดง) กรีนสปอต สยามไวเนอรี่ เป็นต้น รวมทั้งบรรจุภัณฑ์แก้วประเภทขวดอาหาร ขวดยา และยาฆ่าแมลง และขวดผลิตภัณฑ์อื่นๆ โดยในปีที่ผ่านมา บริษัทฯ มีรายได้ส่วนใหญ่จากบรรจุภัณฑ์แก้วประเภทขวดเบียร์ และขวดเครื่องดื่มไม่ผสมแอลกอฮอล์ คิดเป็น 72% ของรายได้รวม ทั้งนี้ บริษัทฯ มีการส่งออกบรรจุภัณฑ์แก้วหลายประเทศ ได้แก่ ลาว, พม่า, เวียดนาม, สวิตเซอร์แลนด์, สเปน, ออสเตรเลีย และแอฟริกาใต้ คิดเป็นมูลค่าส่งออก 18% ของรายได้รวม


กำลังโหลดความคิดเห็น