xs
xsm
sm
md
lg

โอสถสภาเคาะราคาขายที่ 25.00 บาท

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


โอสถสภาประกาศราคาเสนอขายสุดท้ายหุ้น IPO ที่ราคา 25.00 บาทต่อหุ้น ซึ่งเป็นราคาสูงสุดของช่วงราคาที่เสนอขายเบื้องต้นที่ 22.00-25.00 บาทต่อหุ้น หลังได้รับการตอบรับอย่างท่วมท้นจากนักลงทุนสถาบันคุณภาพทั้งในประเทศ และต่างประเทศ สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อปัจจัยพื้นฐาน

นายพิเชษฐ สิทธิอำนวย กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินร่วมและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย เปิดเผยว่า หลังจากบริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน) หรือ OSP ได้กำหนดช่วงราคาเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุน และหุ้นสามัญเดิมเบื้องต้นที่ราคา 22.00-25.00 บาทต่อหุ้น และเปิดให้นักลงทุนรายย่อยได้จองซื้อหุ้น IPO ระหว่างวันที่ 1-4 ตุลาคม 2561 ที่ราคา 25.00 บาทต่อหุ้น ซึ่งเป็นราคาสูงสุดของช่วงราคาเสนอขายเบื้องต้น พบว่า นักลงทุนทั่วไปให้การตอบรับเป็นอย่างดีมาก ซึ่งการตอบรับดังกล่าวเกิดจากการที่นักลงทุนมองว่า OSP เป็นบริษัทที่มีศักยภาพในการดำเนินธุรกิจสินค้าอุปโภคบริโภค และมีแบรนด์สินค้าที่เป็นผู้นำตลาด มีเครือข่ายช่องทางการจัดจำหน่ายที่มีความแข็งแกร่งทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงความสามารถในการแข่งขันด้านต้นทุน และประสิทธิภาพการดำเนินงาน ที่สามารถเพิ่มขีดความสามารถในการทำกำไรที่เพิ่มขึ้นได้ในอนาคต

นายอนุวัฒน์ ร่วมสุข กรรมการผู้จัดการ หัวหน้าฝ่ายตลาดทุน บริษัทหลักทรัพย์ ภัทร จำกัด (มหาชน)
ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินร่วมและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย กล่าวว่า จากผลการสำรวจความต้องการจองซื้อหุ้นของนักลงทุนสถาบัน (Book Building) ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา พบว่า นักลงทุนสถาบันชั้นนำทั้งในประเทศ และต่างประเทศ ให้ความสนใจเป็นอย่างมาก และได้แสดงความต้องการจองซื้อที่ราคาสูงสุดหุ้นละ 25.00 บาท จึงได้กำหนดราคาเสนอขายสุดท้ายหุ้นสามัญที่ราคาหุ้นละ 25.00 บาท โดยบริษัทฯ และผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย จะจัดสรรหุ้น OSP ให้แก่นักลงทุนสถาบันทั้งในประเทศ และต่างประเทศ เป็นจำนวนรวม 419.9 ล้านหุ้น หรือประมาณร้อยละ 69.5 ของจำนวนหุ้นที่เสนอขายทั้งหมดในครั้งนี้

นางวรรณิภา ภักดีบุตร กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน) หรือ OSP กล่าวว่า “บริษัทฯ มีความมุ่งมั่นในการรักษาและเสริมสร้างความแข็งแกร่งในฐานะที่บริษัทฯ เป็นผู้นำในธุรกิจสินค้าอุปโภคบริโภค และมีนวัตกรรมที่ทันสมัย ภายใต้วิสัยทัศน์ ‘พลังเพื่อเสริมสร้างชีวิต’ (The Power to Enhance Life) โดยมุ่งมั่นพัฒนาบริษัทฯ ให้เป็นองค์กรที่เสริมสร้างคุณภาพชีวิตให้แก่ผู้บริโภคและสังคมด้วยผลิตภัณฑ์และนวัตกรรมที่ทันสมัย

ด้วยเงินจากการเสนอขาย IPO ในครั้งนี้ ประมาณ 12,669 ล้านบาท จะถูกนำไปใช้ขยายธุรกิจต่อยอดจากความแข็งแกร่งในปัจจุบัน โดยเฉพาะการลงทุนสร้างโรงงานผลิตเครื่องดื่มแห่งใหม่ในพม่า ซึ่งจะเป็นธุรกิจที่ใหญ่ที่สุดของบริษัทฯ รองจากธุรกิจในประเทศไทย และจะเป็นธุรกิจหลักธุรกิจหนึ่งที่จะช่วยเสริมสร้างมูลค่าให้บริษัทฯ และผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ ในอนาคตทั้งในระยะสั้น และระยะยาว”


กำลังโหลดความคิดเห็น