xs
xsm
sm
md
lg

สรุปภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ดัชนีและภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ ประจำวันที่ 21 ก.ย.2561

- ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์ก ปิดทำนิวไฮติดต่อกันเป็นวันที่สองเมื่อวันศุกร์ (21 ก.ย.) โดยได้ปัจจัยหนุนจากการที่นักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน ขณะที่หุ้นกลุ่มอุตสาหกรรม รวมถึงหุ้นบริษัทโบอิ้ง ซึ่งมีการลงทุนจำนวนมากในจีนนั้น ยังคงปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ดัชนี Nasdaq ปิดตลาดร่วงลงกว่า 0.5% หลังจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ดิ่งลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหุ้นในกลุ่ม FAANG (เฟซบุ๊ก, แอปเปิล, อเมซอน, เน็ตฟลิกซ์ และอัลฟาเบ็ต ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิล)

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 26,743.50 จุด เพิ่มขึ้น 86.52 จุด หรือ +0.32% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,929.67 จุด ลดลง 1.08 จุด หรือ -0.04% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,986.96 จุด ลดลง 41.28 จุด หรือ -0.51%

ตลอดทั้งสัปดาห์ ดัชนีดาวโจนส์ ปรับตัวขึ้นทั้งสิ้น 2.2% ขณะที่ดัชนี S&P500 เพิ่มขึ้น 0.8% ส่วนดัชนี Nasdaq ลดลง 0.3%

- ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวขึ้นเมื่อวันศุกร์ (21 ก.ย.) โดยได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงานและกลุ่มการเงิน นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยบวกจากการที่นักลงทุนขานรับดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์ก ที่พุ่งขึ้นทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์

ดัชนี Stoxx Europe ปิดบวก 0.4% แตะที่ระดับ 384.29 จุด

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอน ปิดที่ 7,490.23 จุด เพิ่มขึ้น 122.91 จุด หรือ +1.67% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศส ปิดที่ 5,494.17 จุด เพิ่มขึ้น 42.58 จุด หรือ +0.78% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมัน ปิดที่ 12,430.88 จุด เพิ่มขึ้น 104.40 จุด หรือ +0.85%

- ตลาดหุ้นลอนดอนปิดพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งเมื่อวันศุกร์ (21 ก.ย.) เนื่องจากการอ่อนค่าของเงินปอนด์ช่วยหนุนหุ้นบริษัทข้ามชาติดีดตัวขึ้น ขณะที่นักลงทุนจับตาการเจรจาระหว่างอังกฤษ และสหภาพยุโรป (EU) ในประเด็นที่อังกฤษ จะแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) หลังจากที่นายโดนัลด์ ทัสค์ ประธานคณะมนตรียุโรป ได้แสดงความคาดหวังว่า การประนีประนอมในประเด็น Brexit ยังคงมีความเป็นไปได้

ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,490.23 จุด เพิ่มขึ้น 122.91 จุด หรือ +1.67%

- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์ก ปิดร่วงลงเมื่อวันศุกร์ (21 ก.ย.) โดยได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ นอกจากนี้ การที่ดัชนีดาวโจนส์ ดีดตัวขึ้นทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ยังส่งผลให้นักลงทุนเทขายทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย และเข้าไปลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่าเช่นการลงทุนในตลาดหุ้น

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือน ธ.ค. ร่วงลง 10 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 0.83% ปิดที่ 1201.3 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อออนซ์ และตลอดทั้งสัปดาห์ สัญญาทองคำปรับตัวขึ้นน้อยกว่า 0.1%

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือน ธ.ค. เพิ่มขึ้น 5.4 เซ็นต์ หรือ 0.38% ปิดที่ 14.359 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือน ต.ค. ลดลง 4.6 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 0.55% ปิดที่ 829.6 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือน ธ.ค. เพิ่มขึ้น 70 เซ็นต์ หรือ 0.1% ปิดที่ 1044.90 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อออนซ์

- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดดีดตัวขึ้นเมื่อวันศุกร์ (21 ก.ย.) จากการที่นักลงทุนเข้าซื้อเก็งกำไรก่อนที่กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และประเทศนอกกลุ่ม ได้แก่ รัสเซีย จะจัดการประชุมในวันอาทิตย์นี้ ที่ประเทศอัลจีเรีย เพื่อหารือเกี่ยวกับการกำหนดปริมาณการผลิตน้ำมัน

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ต.ค. เพิ่มขึ้น 46 เซ็นต์ หรือ 0.7% ปิดที่ 70.78 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนต์ส่งมอบเดือน พ.ย. เพิ่มขึ้น 10 เซ็นต์ หรือ 0.1% ปิดที่ 78.80 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
ตลอดทั้งสัปดาห์ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวขึ้นทั้งสิ้น 2.6% ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ปรับตัวขึ้น 0.9%

- สกุลเงินปอนด์ร่วงลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อวันศุกร์ (21 ก.ย.) เนื่องจากความวิตกกังวลที่ว่า อังกฤษอาจจะแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) โดยไม่สามารถทำข้อตกลงกับสหภาพยุโรปได้ หลังจากการเจรจาระหว่างสองฝ่ายประสบภาวะชะงักงัน

เงินปอนด์ร่วงลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ ที่ระดับ 1.3078 ดอลลาร์สหรัฐฯ จากระดับ 1.3267 ดอลลาร์สหรัฐฯ ขณะที่ยูโรอ่อนค่าลงสู่ระดับ 1.1746 ดอลลาร์สหรัฐฯ จากระดับ 1.1775 ดอลลาร์สหรัฐฯ และดอลลาร์ออสเตรเลีย อ่อนค่าลงสู่ระดับ 0.7283 ดอลลาร์สหรัฐฯ จากระดับ 0.7290 ดอลลาร์สหรัฐฯ

ดอลลาร์สหรัฐฯ แข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 112.52 เยน จากระดับ 112.46 เยน และแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.2921 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.2911 ดอลลาร์แคนาดา แต่ดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9586 ฟรังก์ จากระดับ 0.9595 ฟรังก์

ดัชนี DJIA ตลาดหุ้นนิวยอร์ก ปิดที่ 26,743.50 จุด เพิ่มขึ้น 86.52 จุด, +0.32%
ดัชนี NASDAQ ตลาดหุ้นนิวยอร์ก ปิดที่ 7,986.96 จุด ลดลง 41.28 จุด, -0.51%
ดัชนี S&P500 ตลาดหุ้นนิวยอร์ก ปิดที่ 2,929.67 จุด ลดลง 1.08 จุด, -0.04%
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมัน ปิดที่ 12,430.88 จุด เพิ่มขึ้น 104.40 จุด, +0.85%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศส ปิดที่ 5,494.17 จุด เพิ่มขึ้น 42.58 จุด, +0.78%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอน ปิดที่ 7,490.23 จุด เพิ่มขึ้น 122.91 จุด, +1.67%
ดัชนี SENSEX ตลาดหุ้นอินเดีย ปิดที่ 36,841.60 จุด ลดลง 279.62 จุด, -0.75%
ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ปิดที่ 3,217.68 จุด เพิ่มขึ้น 37.25 จุด, +1.17%
ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ปิดที่ 1,810.64 จุด เพิ่มขึ้น 6.94 จุด, +0.38%
ดัชนี Jakarta Composite ตลาดหุ้นอินโดนีเซีย ปิดที่ 5,957.74 จุด เพิ่มขึ้น 26.47 จุด, +0.45%
ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ปิดที่ 27,953.58 จุด เพิ่มขึ้น 475.91 จุด, +1.73%
ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ ปิดที่ 7,383.00 จุด เพิ่มขึ้น 248.27 จุด, +3.48%
ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ปิดที่ 2,797.48 จุด เพิ่มขึ้น 68.24 จุด, +2.50%
ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ปิดที่ 2,339.17 จุด เพิ่มขึ้น 15.72 จุด, +0.68%
ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลีย ปิดที่ 6,194.60 จุด เพิ่มขึ้น 25.10 จุด, +0.41%
ดัชนี ALL ORDINARIES ตลาดหุ้นออสเตรเลีย ปิดที่ 6,305.40 จุด เพิ่มขึ้น 28.50 จุด, +0.45%
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ปิดที่ 23,869.93 จุด เพิ่มขึ้น 195.00 จุด, +0.82%
ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ปิดที่ 10,972.41 จุด เพิ่มขึ้น 141.00 จุด, +1.30%
กำลังโหลดความคิดเห็น