xs
xsm
sm
md
lg

“เมเจอร์” ลุยเปิด 9 โครงการกว่า 9 พัน ล. ขยายพอร์ตลงทุนโรงแรม-ออฟฟิศ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


“เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ฯ” ขยับการลงทุน วางเป้าปีใหม่ปีนี้เปิด 9 โครงการ มูลค่ากว่า 9,000 ล้านบาท ปูพรม 7 โครงการที่อยู่อาศัย และ 2 โครงการเชิงพาณิชย์ ในรูปแบบโรงแรม และอาคารสำนักงานขนาดเล็ก นำร่องโปรเจกต์แรกของปีกับ “มิวนีค หลังสวน” มูลค่ากว่า 4,000 ล้านบาท ด้านซีบีอาร์อี เผยตลาดลักชัวรียังเติบโตดี

ดร. สุริยา พูลวรลักษณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ MJD กล่าวถึงทิศทางการดำเนินธุรกิจในปี 2561 ว่า บริษัทยังคงเน้นตลาดในพื้นที่กรุงเทพฯ เนื่องจากยังมีศักยภาพ และมีโอกาสสร้างการเติบโตและพัฒนาโครงการต่าง ๆ ตามแนวทางที่บริษัทมีความชำนาญ โดยแผนในปีนี้จะขยายโครงการที่จะพัฒนาเป็น 9 โครงการ มูลค่ากว่า 9,000 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการเพื่อที่อยู่อาศัยย่านใจกลางเมือง 7 โครงการ รวมมูลค่า 8,000 ล้านบาท และโครงการเชิงพาณิชย์ เพื่อสร้างรายได้ที่สม่ำเสมอ มี 2 โครงการ คือ โรงแรมขนาดเล็ก พื้นที่ 1 ไร่ มูลค่าลงทุน 200-300 ล้านบาท และอาคารสำนักงานย่านรามคำแหง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในโครงการผสมผสาน (มิกซ์ยูส) ที่มีโครงการคอนโดมิเนียม ขณะนี้อยู่ในระหว่างการประเมินมูลค่า และการออกแบบพื้นที่ จึงยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้

“ที่ดินแปลงไหนเหมาะที่จะพัฒนาที่อยู่อาศัย เราจะมาดำเนินการ แต่ถ้าแปลงไหนเหมาะทำโรงแรม เราก็ต้องพัฒนาให้สอดคล้องกับที่ดิน ซึ่งจะเห็นว่า แนวโน้มโมเดลการทำโครงการมิกซ์ยูสจะเกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก รูปแบบดังกล่าวจะมีส่วนส่งเสริมและสร้างรายได้ระยะยาว ขณะเดียวกัน ยังสามารถเก็บแอสเสท ที่มีอยู่เพื่อมูลค่าเพิ่มในอนาคต อย่างไรก็ตาม แม้บริษัทจะมีการลงทุนโครงการที่สร้างรายได้จากค่าเช่าและบริการ แต่สัดส่วนก็ยังไม่ถึง 5% ของรายได้รวม ซึ่งโครงการเพื่อขายยังเป็นแหล่งรายได้ที่สำคัญ” ดร.สุริยา กล่าว

ล่าสุด เพื่อเป็นความต่อเนื่องในการดำเนินธุรกิจ บริษัทได้เปิดโครงการแรกของปี 2561 ภายใต้ชื่อ มิวนีค หลังสวน (MUNIQ)อยู่สุดถนนหลังสวน ซอย 7 ตั้งอยู่ในซอยต้นสน มีขนาด 1 ไร่เศษ สูง 28 ชั้น ขนาดตั้งแต่ 50-254 ตารางเมตร (ตร.ม.) ราคาเริ่มต้นที่ 12.9-90 ล้านบาท หรือ 265,000 บาทต่อ ตร.ม. หรือราคาเฉลี่ยที่ 310,000 บาทต่อ ตร.ม. จำนวน 166 ยูนิต มูลค่าโครงการ 4,085 ล้านบาท มีบริษัท ซีบีอาร์อี (ประเทศไทย) จำกัด เป็นผู้บริหารงานขาย ซึ่งหลังจากเริ่มเปิดให้จองประมาณบางชั้นในรอบ VVIP เมื่อเดือนธันวาคม 2560 มียอดจองเข้ามา 30% และคาดว่าเมื่อเปิดจองอย่างเป็นทางการในวันที่ 10-11 กุมภาพันธ์นี้ จะมียอดจองรวมไม่ต่ำกว่า 50% ด้านการก่อสร้างจะเริ่มดำเนินการประมาณกลางปี 2561 และคาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2564

อนึ่ง ที่ดินแปลงนี้ เมเจอร์ฯ ซื้อมาเมื่อปีที่ผ่านมา ราคา 2.1 ล้านบาทต่อตารางวา และเป็นโครงการการร่วมลงทุนกับ MUST International Trading PTE Ltd. ถือหุ้น 22% และ GMM Singapore Real Estate PTE Ltd. ซึ่งเป็นนิติบุคคลจดทะเบียนในสาธารณรัฐสิงคโปร์ ถือหุ้น 22% และ GRG Global Investments Limited เป็นนิติบุคคลจดทะเบียนในเขตบริหารพิเศษฮ่องกงแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ถือหุ้น 5% และ MJD ถือหุ้น 51% ก่อตั้งบริษัท เอ็มเจดี-เจวี 1 จำกัด ขึ้นมาด้วยทุนจดทะเบียน 1 ล้านบาท

“ปัจจุบัน ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ส่วนใหญ่พัฒนาโครงการบนถนนเส้นนี้แบบลีสโฮลด์ (Leasehold รูปแบบสัญญาเช่า) เนื่องจากพื้นที่แปลงสวย ที่เหมาะแก่การพัฒนาเป็นอสังหาริมทรัพย์มีอยู่อย่างจำกัด แต่โครงการ มิวนีค หลังสวน แทบจะเป็นพื้นที่ผืนสุดท้ายที่พัฒนาโครงการบนที่ดินฟรีโฮลด์ (Freehold) ท่ามกลางตึกสูงที่เป็นลีสโฮลด์บนถนนหลังสวน จึงส่งผลให้ที่ดินบนทำเลหลังสวนมีมูลค่าสูงเป็นอันดับต้น ๆ ของกรุงเทพฯ โดยปัจจุบันนี้ ราคาขายอยู่ที่ตารางวาละ 500,000 บาท (ที่มา : กรมธนารักษ์ รอบบัญชี ปี 2559-2562) และยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทุกปี มิวนีค หลังสวน จึงถือเป็นโครงการที่มีมูลค่า เหมาะกับการซื้อเพื่อเป็นที่พักอาศัย และการลงทุนอย่างมาก แม้โครงการจะไม่อยู่ติดรถไฟฟ้า แต่เน้นการดีไซน์ที่ตอบโจทย์ลูกค้าที่ต้องการความเป็นส่วนตัว แต่ใช้ชีวิตอยู่ในเมือง ดังนั้น การออกแบบจึงอยู่ภายใต้แนวคิด “Live Your Everlasting Romance” จะเห็นได้จากห้อง 1 ห้องนอนของโครงการจะมีขนาดพื้นที่ใช้สอย 50-78 ตร.ม. เราต้องการให้ลูกค้าอยู่ มากกว่าจะเร่งรีบออกไปใช้ชีวิตข้างนอก"

อย่างไรก็ตาม ในปี 2561 บริษัทฯ ตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 7,000-8,000 ล้านบาท ซึ่งใกล้เคียงกับปี 2560 ที่ผ่านมา ปัจจุบันมี Backlog ทั้งหมด 15,000 ล้านบาท โดยครึ่งปีแรกจะรับรู้รายได้ประมาณ 7,000-8,000 ล้านบาท ส่วนความคืบหน้าโครงการมิวนีค สุขุมวิท 23 มูลค่า 4,000 ล้านบาท และมาร์ค สุขุมวิท มูลค่า 7,000 ล้านบาท ปัจจุบันมียอดขายรวมแล้ว 70-80%

ด้านนางอลิวัสสา พัฒนถาบุตร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีบีอาร์อี (ประเทศไทย) จำกัด ปัจจุบันตลาดคอนโดมิเนียมมีปัจจัยบวกสนับสนุนค่อนข้างมาก จึงทำให้คอนโดฯในย่านกลางเมืองปีนี้มีซัปพลายใหม่เพิ่มขึ้น 10% หรือประมาณ 12,000-15,000 ยูนิต จากปีที่แล้วเปิดตัวกว่า 12,000 ยูนิต อีกทั้งหลังสวนเป็นย่านที่มีศักยภาพสูง เพราะจะเป็นศูนย์กลางเมืองใหม่ แลนด์มาร์กของกรุงเทพฯ กำลังจะเปลี่ยนไป โซนศูนย์กลางจะย้ายมาอยู่แถวเส้นหลังสวนโดยรอบสวนลุมพินี เนื่องจากมีโครงการขนาดใหญ่ทั้งคอนโดมิเนียม และโครงการมิกซ์ยูส ขึ้นค่อนข้างมาก พื้นที่อยู่ริมถนนใหญ่ แวดล้อมด้วยสถานฑูต โรงแรม อาคารสำนักงาน และใกล้กับรถไฟฟ้า ประกอบกับในปีนี้น่าจะได้รับสัญญาณดี ๆ จากภาคเศรษฐกิจ จีดีพีที่เป็นตัวชี้วัดเศรษฐกิจมีตัวเลขที่ดีขึ้น บรรยากาศการทำธุรกิจและการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ค่อนข้างสดใส โดยนักลงทุน และนักท่องเที่ยวต่างชาติ ยังคงให้ความสำคัญและสนใจคอนโดมิเนียมในใจกลางเมืองกรุงเทพฯ อย่างต่อเนื่อง




กำลังโหลดความคิดเห็น