xs
xsm
sm
md
lg

บล. กรุงศรีฯ คาดกำไรสุทธิ IRPC โตมากที่สุดของกลุ่มในปีนี้

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

นายณภัทร จันทรเสรีกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กรุงศรี หรือ KSS
บล. กรุงศรี ประเมินแนวโน้มผลประกอบการ IRPC คาดในปีนี้ จะมีกำไรสุทธิโดยพิจารณาจากไตรมาสที่ 4/2560 ประมาณ 3,900 ล้านบาท (EPS 0.19 บาท) เพิ่มขึ้น 20% เทียบกันระหว่างไตรมาส และ และ 129% เทียบช่วงเดียวกันกับปีก่อนหน้า เนื่องจากธุรกิจปิโตรฯ ที่เติบโตอย่างแข็งแกร่ง ส่วนโรงกลั่น แม้ถูกกดดันจาก market GRM ที่ลดลง แต่ยังมี Stock gain มาชดเชย

นายณภัทร จันทรเสรีกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กรุงศรี หรือ KSS เปิดเผยมุมมองการลงทุนในหุ้นของ บมจ.ไออาร์พีซี หรือ IRPC ว่า ปีนี้ IRPC ตั้งเป้าเดินเครื่องโรงกลั่น 100% จากโครงการ gasoline max ที่เริ่ม COD ตั้งแต่ ธ.ค. 60 ขณะที่โครงการขยายกำลังการผลิต PP เดินเครื่องที่ 90% โดยประเมินราคาหุ้นที่จะปรับตัวเพิ่มขึ้นจากราคาเป้าหมายเดิมที่ 7.2 บาทต่อหุ้นเป็น 8.5 บาทต่อหุ้น อิงจาก EV/EBITDA ล่วงหน้าปี 2561 เต็มปีที่ 8.5x โดยคาดว่า กำไรจะโตถึง 27% ในปี 2561 เต็มปี

ขณะเดียวกัน คาดกำไรสุทธิไตรมาส 4/2560 เติบโตโดดเด่น จากธุรกิจปิโตรฯ และมีกำไรจากสต็อกน้ำมันดิบ โดย IRPC เป็นหนึ่งในหุ้นที่โดดเด่นที่สุดที่เราดูแลอยู่ในปีนี้ เพราะคาดว่า กำไรของบริษัทจะทำสถิติสูงสุดใหม่ตั้งแต่ไตรมาส 4/2560 เป็นต้นไปที่ 3.9 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 20% เทียบระหว่างไตรมาส และเพิ่มขึ้น 129% เทียบกับปีก่อนหน้าจาก spread ปิโตรเคมีที่แข็งแกร่ง และมีกำไรจากสต็อกน้ำมันดิบ ธุรกิจโรงกลั่นค่าการกลั่น คาดว่าจะอ่อนตัวลงเป็น 4.9 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรลจาก 5.9 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรลในไตรมาส 3/2560 เป็นผลจาก crack spread ลดลง และมี crude premium เพิ่มขึ้น

อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันดิบที่สูงขึ้นกว่า 8 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ในไตรมาสนี้จะทำให้มี Stock gain ประมาณ 1.4 พันล้านบาทมาชดเชย นอกจากนี้ ธุรกิจปิโตรที่ยังแข็งแกร่งจาก margin ของ Styrenics (ABS, PS) ที่เพิ่มขึ้นจะช่วยหนุน GIM ให้ทรงตัวเทียบระหว่างไตรมาสอยู่ที่ 8.2 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ได้

นอกจากนี้ โครงการพลังงานสะอาด, กำลังการผลิต PP ใหม่, และรายได้พิเศษ 1.8 พันล้านบาทจากความล่าช้าของโครงการ UHV จะช่วยหนุนกำไรปี 2561 เต็มปี และโครงการ IRPC-CP เฟส 2 (240 MW) ซึ่งเริ่ม COD เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2017 จะช่วยให้การผลิตมีความมั่นคงมากขึ้น ลดการปิดโรงงานนอกแผน (unplanned shutdown) และเพิ่มรายได้ให้กับ IRPC อีก 500 ล้านบาทต่อปี

“ปัจจุบัน IRPC กำลังทำงานร่วมกับ licensor ในการปรับสูตรสารกระตุ้นใหม่ เพื่อเพิ่มผลผลิต propylene จากปัจจุบันที่ 19% ให้ได้ 21% ตามเป้า ซึ่งคาดว่าจะเสร็จในเดือนมิถุนายน 2561 โดยโครงการ Gasoline max และการปรับสูตรสารกระตุ้นจะทำให้ GIM ในปีนี้เพิ่มขึ้นอีก 0.5 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรลเป็น 15.5 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล นอกจากนี้ IRPC ก็จะรับรู้ผลการดำเนินงานเต็มปีจากโครงการขยายกำลังการผลิต PP (160,000 ตันในเดือนสิงหาคม และ 140,000 ตันในเดือนพฤศจิกายน) โดยกำลังการผลิต 140,000 ตันเป็น PP compound เกรดพิเศษ ซึ่งมี margin สูงถึง 100 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อตัน ซึ่งสูงกว่าเกรดปกติ”

ทั้งนี้ IRPC กำลังอยู่ระหว่างการเจรจากับผู้รับเหมาเพื่อตกลงค่าปรับที่เกิดจากความล่าช้าของโครงการ UHV คิดเป็นมูลค่า 1.8 พันล้านบาท ซึ่งบริษัทอาจจะรับรู้เป็นรายได้พิเศษในครึ่งแรกของปี 2561


กำลังโหลดความคิดเห็น