นางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) คนปัจจุบัน ได้ยื่นใบลาออกจากสมาชิกคณะผู้ว่าการของเฟดแล้ว หลังจากไม่ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งประธานเฟดเป็นสมัยที่ 2 ถึงแม้ว่าเธอจะสามารถดำรงตำแหน่งคณะกรรมการผู้ว่าการเฟดต่อได้จนถึงปี 2024 ก็ตาม
โดยการลาออกของเธอจะมีผลทันทีที่ประธานเฟดคนใหม่เข้าพิธีสาบานตนรับตำแหน่ง ซึ่งเป็นไปตามหลักธรรมเนียมปฏิบัติทั่วไปของเฟด คือ ประธานเฟดที่กำลังจะพ้นจากตำแหน่ง มักจะลาออกจากตำแหน่งผู้ว่าการพร้อมๆ กันไปด้วย ถือเป็นมารยาทที่จะเปิดทางให้ผู้ที่สืบทอดตำแหน่งสามารถเข้ามาเป็นผู้นำเฟดได้สะดวกขึ้น
นางเยลเลน วัย 71 ปี ยังระบุในหนังสือที่ส่งถึงประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ด้วยว่า จะทำหน้าที่ให้ดีที่สุดเพื่อรับประกันการถ่ายโอนอำนาจอย่างราบรื่น ให้แก่ นายโพเวลล์ ซึ่งได้รับการเสนอชื่อจาก ปธน.ทรัมป์ ให้ดำรงตำแหน่งประธานเฟดต่อจากเธอในช่วงต้นเดือน ก.พ.ปี 2018 ขณะที่คณะกรรมาธิการการธนาคารประจำวุฒิสภาจะมีการประชุมเพื่อรับรอง นายเจอโรม โพเวลล์ ในสัปดาห์หน้า แต่การลงมติเรื่องตำแหน่งประธานเฟดคนใหม่ยังไม่มีกำหนดวันแน่นอน ถือว่า นางเยลเลน ได้กลายเป็นประธานเฟดที่ทำหน้าที่สั้นที่สุดนับตั้งแต่ปี 1979 เพราะประธานเฟด 3 คนก่อนหน้าเธอทั้ง นายพอล วอลเกอร์ นายอะแลน กรีนสแปน และนายเบน เบอร์นานเก้ ต่างได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งประธานเฟดเป็นวาระที่ 2
เมื่อมองย้อนไปในอดีต นายโดนัลด์ ทรัมป์ เคยกล่าวโน้มเอียงไปทางที่จะหาคนอื่นมาดำรงตำแหน่งประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) แทนนางเจเน็ต เยลเลน ในช่วงการหาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ และเขาเคยกล่าวกับนิตยสาร ฟอร์จูน ว่า เขาเห็นด้วยเต็มที่ที่จะลดอำนาจบทบาทของเฟด โดยสภาคองเกรส หรือหน่วยงานอื่นของรัฐน่าจะมีอำนาจมากขึ้นในการกำกับตรวจสอบงานของเฟด
ยิ่งไปกว่านั้น การลาออกของ นางเจเน็ต เยลเลน จะทำให้มีตำแหน่งในคณะกรรมการเฟดว่างเพิ่มขึ้นเป็น 4 ตำแหน่ง จากทั้งหมด 7 ตำแหน่ง และเป็นการเปิดช่องให้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ สามารถแต่งตั้งกรรมการเฟดคนใหม่เข้ามาดำรงตำแหน่งที่ยังว่างอยู่ ซึ่งนั่นจะเป็นการเปลี่ยนแปลงโฉมคณะผู้ว่าการเฟดครั้งสำคัญ ประเด็นนี้ถือเป็นสิ่งที่นักลงทุนต้องติดตาม เนื่องจากอาจส่งผลต่อการดำเนินนโยบายการเงินของเฟดในอนาคต และจะเป็นปัจจัยชี้นำการเคลื่อนไหวของตลาดเงิน และตลาดทองคำ
บริษัท วาย แอล จี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด