“ผอ. สศค.” แจงฐานะการคลังเดือน ต.ค. 60 รัฐบาลมีรายได้นําส่งคลัง 1.83 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 21.7% ขณะที่มีการเบิกจ่ายเงินงบประมาณ 4.2 แสนล้าน รวมทั้งรัฐบาลยังได้กู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลอีก 4 หมื่นล้านบาท ส่งผลให้เงินคงคลังมีทั้งสิ้นกว่า 3 แสนล้านบาท ซึ่งถือว่าเพียงพอในการรองรับการเบิกจ่ายงบประมาณ และสนับสนุนการขยายตัวทางเศรษฐกิจให้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้
นายสุวิชญ โรจนวานิช ผู้อํานวยการสํานักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง กล่าวถึงฐานะการคลังของรัฐบาลตามระบบกระแสเงินสดเมื่อสิ้นเดือนตุลาคม 2560 ซึ่งเป็นเดือนแรกของปีงบประมาณ 2561 ว่า รัฐบาลมีการขาดดุลเงินสด จำนวน 259,541 ล้านบาท โดยเป็นการขาดดุลเงินงบประมาณ 244,560 ล้านบาท และเป็นการขาดดุลเงินนอกงบประมาณ จำนวน 14,981 ล้านบาท ส่งผลให้เงินคงคลัง ณ สิ้นเดือนตุลาคม 2560 มีจำนวน 304,817 ล้านบาท
ทั้งนี้ ฐานะการคลังดังกล่าวนั้น ถือว่าอยู่ในระดับที่เข้มแข็ง และเพียงพอสำหรับการรองรับการเบิกจ่ายงบประมาณ และสนับสนุนการขยายตัวทางเศรษฐกิจให้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ ส่วนรายละเอียดของฐานะการคลังนั้น รัฐบาลมีรายได้นําส่งคลัง จำนวน 183,814 ล้านบาท สูงกว่าเดือนเดียวกันปีที่แล้ว จำนวน 32,760 ล้านบาท หรือคิดเป็น 21.7% ซึ่งมีสาเหตุหลักมาจากการนำส่งเงินจากรายได้รัฐวิสาหกิจ และภาษี มูลค่าเพิ่มที่สูงกว่าเดือนเดียวกันปีที่แล้ว
นอกจากนี้ รัฐบาลยังมีการเบิกจ่ายเงินงบประมาณทั้งสิ้น 428,374 ล้านบาท ต่ำกว่าเดือนเดียวกันปีที่แล้ว 6,981 ล้านบาท หรือคิดเป็น 1.6% โดยเป็นรายจ่ายปีปัจจุบัน จำนวน 413,946 ล้านบาท ต่ำกว่าเดือนเดียวกันปีที่แล้ว 2% ซึ่งประกอบไปด้วยรายจ่ายประจํา จำนวน 381,741 ล้านบาท ต่ำกว่าเดือนเดียวกันปีที่แล้ว 3.3% และรายจ่ายลงทุน 32,205 ล้านบาท สูงกว่าเดือนเดียวกันปีที่แล้ว 17% และการเบิกจ่ายเงินจากงบประมาณปีก่อน จํานวน 14,428 ล้านบาท สูงกว่าเดือนเดียวกันปีที่แล้ว 11.2% สำหรับการเบิกจ่ายเงินงบประมาณที่สําคัญในเดือนตุลาคม ได้แก่ รายจ่ายอื่นของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) 60,121 ล้านบาท เงินอุดหนุนของกระทรวงศึกษาธิการ 43,894 ล้านบาท และเงินอุดหนุนสำนักงานประกันสังคม 42,095 ล้านบาท
ด้านดุลการคลังรัฐบาลตามระบบกระแสเงินสดนั้น ผู้อำนวยการ สศค. กล่าวว่า จากรายได้นําส่งคลัง และการเบิกจ่ายเงินงบประมาณของรัฐบาลดังกล่าว ผลให้ดุลเงินงบประมาณในเดือนตุลาคม 2560 ขาดดุลจำนวน 244,560 ล้านบาท เมื่อรวมกับดุลเงินนอกงบประมาณที่ขาดดุล จำนวน 14,981 ล้านบาท ซึ่งมีสาเหตุหลักมาจากการไถ่ถอนตั๋วเงินคลัง จำนวน 40,000 ล้านบาท เงินฝากคลังของกองทุนประชารัฐเพื่อเศรษฐกิจฐานราก จำนวน 20,284 ล้านบาท ทำให้รัฐบาลขาดดุลเงินสด จำนวน 259,541 ล้านบาท ทั้งนี้ รัฐบาลได้กู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุล จำนวน 40,600 ล้านบาท ส่งผลให้รัฐบาลมีการขาดดุลเงินสดหลังกู้ชดเชยการขาดดุล จำนวน 218,941 ล้านบาท และเงินคงคลัง ณ สิ้นเดือนตุลาคม 2560 มีจำนวนทั้งสิ้น 304,817 ล้านบาท
นายสุวิชญ โรจนวานิช ผู้อํานวยการสํานักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง กล่าวถึงฐานะการคลังของรัฐบาลตามระบบกระแสเงินสดเมื่อสิ้นเดือนตุลาคม 2560 ซึ่งเป็นเดือนแรกของปีงบประมาณ 2561 ว่า รัฐบาลมีการขาดดุลเงินสด จำนวน 259,541 ล้านบาท โดยเป็นการขาดดุลเงินงบประมาณ 244,560 ล้านบาท และเป็นการขาดดุลเงินนอกงบประมาณ จำนวน 14,981 ล้านบาท ส่งผลให้เงินคงคลัง ณ สิ้นเดือนตุลาคม 2560 มีจำนวน 304,817 ล้านบาท
ทั้งนี้ ฐานะการคลังดังกล่าวนั้น ถือว่าอยู่ในระดับที่เข้มแข็ง และเพียงพอสำหรับการรองรับการเบิกจ่ายงบประมาณ และสนับสนุนการขยายตัวทางเศรษฐกิจให้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ ส่วนรายละเอียดของฐานะการคลังนั้น รัฐบาลมีรายได้นําส่งคลัง จำนวน 183,814 ล้านบาท สูงกว่าเดือนเดียวกันปีที่แล้ว จำนวน 32,760 ล้านบาท หรือคิดเป็น 21.7% ซึ่งมีสาเหตุหลักมาจากการนำส่งเงินจากรายได้รัฐวิสาหกิจ และภาษี มูลค่าเพิ่มที่สูงกว่าเดือนเดียวกันปีที่แล้ว
นอกจากนี้ รัฐบาลยังมีการเบิกจ่ายเงินงบประมาณทั้งสิ้น 428,374 ล้านบาท ต่ำกว่าเดือนเดียวกันปีที่แล้ว 6,981 ล้านบาท หรือคิดเป็น 1.6% โดยเป็นรายจ่ายปีปัจจุบัน จำนวน 413,946 ล้านบาท ต่ำกว่าเดือนเดียวกันปีที่แล้ว 2% ซึ่งประกอบไปด้วยรายจ่ายประจํา จำนวน 381,741 ล้านบาท ต่ำกว่าเดือนเดียวกันปีที่แล้ว 3.3% และรายจ่ายลงทุน 32,205 ล้านบาท สูงกว่าเดือนเดียวกันปีที่แล้ว 17% และการเบิกจ่ายเงินจากงบประมาณปีก่อน จํานวน 14,428 ล้านบาท สูงกว่าเดือนเดียวกันปีที่แล้ว 11.2% สำหรับการเบิกจ่ายเงินงบประมาณที่สําคัญในเดือนตุลาคม ได้แก่ รายจ่ายอื่นของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) 60,121 ล้านบาท เงินอุดหนุนของกระทรวงศึกษาธิการ 43,894 ล้านบาท และเงินอุดหนุนสำนักงานประกันสังคม 42,095 ล้านบาท
ด้านดุลการคลังรัฐบาลตามระบบกระแสเงินสดนั้น ผู้อำนวยการ สศค. กล่าวว่า จากรายได้นําส่งคลัง และการเบิกจ่ายเงินงบประมาณของรัฐบาลดังกล่าว ผลให้ดุลเงินงบประมาณในเดือนตุลาคม 2560 ขาดดุลจำนวน 244,560 ล้านบาท เมื่อรวมกับดุลเงินนอกงบประมาณที่ขาดดุล จำนวน 14,981 ล้านบาท ซึ่งมีสาเหตุหลักมาจากการไถ่ถอนตั๋วเงินคลัง จำนวน 40,000 ล้านบาท เงินฝากคลังของกองทุนประชารัฐเพื่อเศรษฐกิจฐานราก จำนวน 20,284 ล้านบาท ทำให้รัฐบาลขาดดุลเงินสด จำนวน 259,541 ล้านบาท ทั้งนี้ รัฐบาลได้กู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุล จำนวน 40,600 ล้านบาท ส่งผลให้รัฐบาลมีการขาดดุลเงินสดหลังกู้ชดเชยการขาดดุล จำนวน 218,941 ล้านบาท และเงินคงคลัง ณ สิ้นเดือนตุลาคม 2560 มีจำนวนทั้งสิ้น 304,817 ล้านบาท