บมจ. เนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ป บักโกรก ผลงานงวด 9 เดือนทรุดหนัก ขาดทุนสุทธิรวมกว่า 2,135 ล้านบาท ขาดทุนสุทธิเพิ่มขึ้นกว่า 1,512 ล้านบาท หรือคิดเป็น 243% โดยสาเหตุหลักจากรายได้จาการขายโฆษณา และหนังสือพิมพ์ ลดลง 24% และ 19% ตามลำดับ
นายเทพชัย แซ่หย่อง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ NMG แจ้งผลการดำเนินงานประจำไตรมาส 3 สิ้นสุด ณ วันที่ 30 กันยายน 2560 ว่า บริษัทขาดทุนสุทธิ 1,616.04 ล้านบาท ขาดทุนสุทธิต่อหุ้น 0.397 บาท เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ขาดทุนสุทธิ 280.98 ล้านบาท ขาดทุนสุทธิต่อหุ้น 0.069 บาท
ขณะที่งวด 9 เดือน ขาดทุนสุทธิรวม 2,135.17 ล้านบาท ขาดทุนสุทธิต่อหุ้น 0.525 บาท เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ขาดทุนสุทธิ 622.76 ล้านบาท ขาดทุนสุทธิต่อหุ้น 0.153 บาท หรือขาดทุนสุทธิเพิ่มขึ้นกว่า 1,512.41 ล้านบาท คิดเป็น 242.86%
บมจ. เนชั่นฯ ได้สาเหตุที่ทำให้บริษัทประสบปัญหาขาดทุนเพิ่มขึ้นเกือบ 243% เกิดจากสาระสำคัญคือ 1. รายได้จากการขายและบริการสำหรับงวดเก้าเดือนของปี 2560 ลดลงร้อยละ 19 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2559 โดยมีสาเหตุหลักมาจากการชะลอตัวทางเศรษฐกิจ และส่งผลกระทบทำให้รายได้จากการขายโฆษณา ลดลงร้อยละ 24 และรายได้จากการจำหน่ายสื่อสิ่งพิมพ์ พ๊อกเกตบุ๊กส์ การ์ตูน และหนังสือเด็ก ลดลงร้อยละ 19
2. ต้นทุนและค่าใช้จ่ายสำหรับงวดเก้าเดือนของปี 2560 เพิ่มขึ้นร้อยละ 47 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2559 เหตุผลหลักมาจาก
2.1 ต้นทุนขายและบริการ ลดลงร้อยละ 11 ซึ่งสอดคล้องกับรายได้จากการขายและบริการที่ลดลง
2.2 ต้นทุนในการจัดจำหน่ายและค่าใช้จ่ายในการบริหาร ลดลงร้อยละ 19 เนื่องจากในไตรมาส 2 ปี 2559 บริษัทย่อยได้บันทึกสำรองค่าเผื่อมูลค่าสินค้าลดลง และตัดจำหน่ายลิขสิทธิ์สำหรับสิ่งพิมพ์จากการปรับโครงสร้างธุรกิจ จำนวน 204.45 ล้านบาท
2.3 บริษัทย่อยและบริษัทย่อยทางอ้อมได้บันทึกผลขาดทุนจากการด้อยค่าของใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ เพื่อให้บริการโทรทัศน์ภาคพื้นดินในระบบดิจิทัล และสินทรัพย์ที่เกี่ยวข้อง จำนวน 1,493.77 ล้านบาท ในไตรมาส 3 ของปี 2560 โดยการด้อยค่าของสินทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับใบอนุญาตฯ นั้น ได้มีการประเมินมูลค่าที่คาดว่าจะได้รับคืนจากการใช้ ซึ่งวัดมูลค่าโดยการประมาณการกระแสเงินสดในอนาคตคิดลด โดยมีอัตราการเติบโต และอัตราคิดลด ภายใต้ข้อสมมติฐานของฝ่ายบริหารของบริษัทดังกล่าว ซึ่งอยู่บนพื้นฐานของประสบการณ์ในอดีต และแผนการดำเนินธุรกิจ รวมถึงการคาดการณ์ในอนาตค ที่เชื่อว่าสมเหตุสมผลในสถานการณ์ปัจจุบัน และนำมาเปรียบเทียบกับมูลค่าตามบัญชีของสินทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับใบอนุญาตฯ