ปลัดกระทรวงการคลัง เผยยังคงเดินหน้าตรวจสอบสินทรัพย์เพิ่มเติม ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เพื่อชดเชยความเสียหายจากโครงการจำนำข้าว แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยมูลค่าทรัพย์สินเพิ่มเติมที่ยึดมาได้
นายธงชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวว่า กระทรวงการคลังยังคงเดินหน้าตรวจสอบทรัพย์สินของนางยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เพื่อชดใช้ความเสียหายในโครงการรับจำนำข้าวทุกเมล็ดของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ทั้งนี้ กระทรวงการคลังอยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริงเพิ่มเติม พร้อมทั้งดำเนินการถ่ายรูปทรัพย์สินของอดีตนายกรัฐมนตรี เพื่อใช้เป็นหลักฐานในการดำเนินการยึดทรัพย์ต่อไป โดยถึงปัจจุบันมีทรัพย์สินที่สามารถยึดมาได้เพิ่มเติมอีก แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยมูลค่าได้ในขณะนี้
ทั้งนี้ ก่อนหน้ากระทรวงการคลังมีการสืบทรัพย์ของ น.ส. ยิ่งลักษณ์ โดยได้ดำเนินการส่งบัญชีธนาคาร 12 บัญชี ให้กรมบังคับคดีทำหน้าที่ยึดทรัพย์ดังกล่าว เพื่อชดเชยความเสียหายที่เกิดจากโครงการรับจำนำข้าว ตามมติคณะกรรมการพิจารณาความผิดทางละเมิด ซึ่งมีมติให้อดีตนายกรัฐมนตรีต้องชดใช้ความเสียหาย 3.5 หมื่นล้านบาท โดยหลังจากนี้ไปคงต้องสืบจากทรัพย์อื่น ๆ มีเวลาในการดำเนินการ เนื่องจากมีอายุความ 10 ปี
ส่วนการดำเนินการยึดทรัพย์ของอดีตนายกรัฐมนตรีโดยกระทรวงการคลัง เป็นผลสืบเนื่องมาจากการพิจารณาของคณะกรรมการรับผิดทางแพ่ง ที่มีอดีตอธิบดีกรมบัญชีกลาง นายมนัส แจ่มเวหา เป็นประธานได้สรุปว่า น.ส. ยิ่งลักษณ์ อดีตนายกรัฐมนตรี มีความผิด ตาม พ.ร.บ. ความผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่รัฐ ปี 1996 ซึ่งมีค่าเสียหายที่ต้องชดใช้ให้รัฐ 1.78 แสนล้านบาท แต่กฎหมายกำหนดให้การรับผิดชอบความเสียหายแบ่งตามสัดส่วนของบุคคลที่เกี่ยวข้อง ซึ่งในส่วนของ น.ส. ยิ่งลักษณ์ คณะกรรมการสรุปว่าต้องรับผิดชอบ 20% ของความเสียหาย หรือ 3.5 หมื่นล้านบาท
อย่างไรก็ตาม กรมสรรพากรในปัจจุบันได้มีความเห็น ควรยื่นประเมินภาษีทักษิณ จากธุรกรรมการขายหุ้นชิน 329.2 ล้านหุ้น โดยประเมินภาษีบวกค่าปรับเป็นเงิน 1.76 หมื่นล้านบาท ต่อมา ในเดือนเมษายนนี้ นายทักษิณ ได้ให้ทนายความมายื่นอุทธรณ์คัดค้านคำสั่งประเมินดังกล่าว ซึ่งกรมสรรพากรสามารถใช้ระยะเวลานานสุดในการพิจารณาคำขออุทธรณ์ นานสุดถึง 2 ปี แต่อย่างไรก็ตาม ในระหว่างการอุทธรณ์ กรมสรรพากร จำเป็นต้องดำเนินการตามกฎหมาย คือ อายัดทรัพย์สินที่เป็นหนี้ภาษีดังกล่าวไว้ก่อน
นายธงชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวว่า กระทรวงการคลังยังคงเดินหน้าตรวจสอบทรัพย์สินของนางยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เพื่อชดใช้ความเสียหายในโครงการรับจำนำข้าวทุกเมล็ดของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ทั้งนี้ กระทรวงการคลังอยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริงเพิ่มเติม พร้อมทั้งดำเนินการถ่ายรูปทรัพย์สินของอดีตนายกรัฐมนตรี เพื่อใช้เป็นหลักฐานในการดำเนินการยึดทรัพย์ต่อไป โดยถึงปัจจุบันมีทรัพย์สินที่สามารถยึดมาได้เพิ่มเติมอีก แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยมูลค่าได้ในขณะนี้
ทั้งนี้ ก่อนหน้ากระทรวงการคลังมีการสืบทรัพย์ของ น.ส. ยิ่งลักษณ์ โดยได้ดำเนินการส่งบัญชีธนาคาร 12 บัญชี ให้กรมบังคับคดีทำหน้าที่ยึดทรัพย์ดังกล่าว เพื่อชดเชยความเสียหายที่เกิดจากโครงการรับจำนำข้าว ตามมติคณะกรรมการพิจารณาความผิดทางละเมิด ซึ่งมีมติให้อดีตนายกรัฐมนตรีต้องชดใช้ความเสียหาย 3.5 หมื่นล้านบาท โดยหลังจากนี้ไปคงต้องสืบจากทรัพย์อื่น ๆ มีเวลาในการดำเนินการ เนื่องจากมีอายุความ 10 ปี
ส่วนการดำเนินการยึดทรัพย์ของอดีตนายกรัฐมนตรีโดยกระทรวงการคลัง เป็นผลสืบเนื่องมาจากการพิจารณาของคณะกรรมการรับผิดทางแพ่ง ที่มีอดีตอธิบดีกรมบัญชีกลาง นายมนัส แจ่มเวหา เป็นประธานได้สรุปว่า น.ส. ยิ่งลักษณ์ อดีตนายกรัฐมนตรี มีความผิด ตาม พ.ร.บ. ความผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่รัฐ ปี 1996 ซึ่งมีค่าเสียหายที่ต้องชดใช้ให้รัฐ 1.78 แสนล้านบาท แต่กฎหมายกำหนดให้การรับผิดชอบความเสียหายแบ่งตามสัดส่วนของบุคคลที่เกี่ยวข้อง ซึ่งในส่วนของ น.ส. ยิ่งลักษณ์ คณะกรรมการสรุปว่าต้องรับผิดชอบ 20% ของความเสียหาย หรือ 3.5 หมื่นล้านบาท
อย่างไรก็ตาม กรมสรรพากรในปัจจุบันได้มีความเห็น ควรยื่นประเมินภาษีทักษิณ จากธุรกรรมการขายหุ้นชิน 329.2 ล้านหุ้น โดยประเมินภาษีบวกค่าปรับเป็นเงิน 1.76 หมื่นล้านบาท ต่อมา ในเดือนเมษายนนี้ นายทักษิณ ได้ให้ทนายความมายื่นอุทธรณ์คัดค้านคำสั่งประเมินดังกล่าว ซึ่งกรมสรรพากรสามารถใช้ระยะเวลานานสุดในการพิจารณาคำขออุทธรณ์ นานสุดถึง 2 ปี แต่อย่างไรก็ตาม ในระหว่างการอุทธรณ์ กรมสรรพากร จำเป็นต้องดำเนินการตามกฎหมาย คือ อายัดทรัพย์สินที่เป็นหนี้ภาษีดังกล่าวไว้ก่อน