xs
xsm
sm
md
lg

ส่อง! ตลาดรับสร้างบ้านโค้งสุดท้ายปี 2560 ผ่านพฤติกรรมผู้บริโภคที่ (ต้องการ) ปลูกสร้างบ้าน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


สมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน ส่งสัญญาณตลาดรับสร้างบ้านครึ่งหลังปี 2560 แนวโน้มดี “พิชิต อรุณพัลลภ” แจงพฤติกรรมผู้บริโภค พร้อมนำที่ดินเปล่ามาปลูกสร้างบ้านเอง พร้อมต้องการปลูกสร้างบ้านในช่วง 6 เดือนถึง 1 ปีขึ้นไปมากสุด

นายพิชิต อรุณพัลลภ นายกสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน (Home Builder Association : HBA) เปิดเผยถึงภาพรวมตลาดรับสร้างบ้านในช่วงไตรมาส 3/2560 ว่า โดยรวมตลาดมีแนวโน้มที่ดีขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และเชื่อว่าจะช่วยสนับสนุนให้ภาพรวมตลาดรับสร้างบ้านในช่วงไตรมาส 4/2560 นั้น มีความคึกคักมากขึ้น ส่วนหนึ่งเป็นเพราะได้รับแรงเหวี่ยงมาจากการจัดงาน “รับสร้างบ้านและวัสดุ Home Builder & Materials Expo 2017” ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 17-20 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งพบดูข้อมูลที่ได้จากการกรอกแบบสอบถามของผู้บริโภค รวมถึงผู้เข้าชมงานทั่วไป มีหลายประเด็นที่น่าสนใจ และเป็นประโยชน์ต่ออุตสาหกรรมรับสร้างบ้าน รวมถึงสมาชิกของสมาคมที่ได้นำเอาข้อมูลต่าง ๆ ดังกล่าวมาปรับกลยุทธ์ด้านการตลาด รวมถึงการจัดโปรโมชันเพื่อกระตุ้นการตัดสินใจของผู้บริโภค ดังนี้

โดยเหตุผลที่เลือกสร้างบ้านเองแทนการซื้อบ้านในโครงการจัดสรรนั้น พบว่า อันดับหนึ่ง คือ มีที่ดินเปล่าอยู่แล้วคิดเป็นสัดส่วน 34.86% รองลงมา คือ ต้องการเลือกวัสดุสร้างบ้านเองคิดเป็นสัดส่วน 19.53% และอันดับสาม คือ ราคาถูกกว่าซื้อโครงการบ้านจัดสรรคิดเป็นสัดส่วน 17.45% (*กราฟแผนภูมิที่ 1) ซึ่งหากลงลึกไปในรายละเอียดแล้ว ผู้บริโภคกลุ่มนี้ต้องการพร้อมที่จะปลูกสร้างคิดเป็นสัดส่วน 10.86%, ปลูกสร้างภายใน 3 เดือน คิดเป็นสัดส่วน 9.89%, ปลูกสร้างภายใน 6 เดือน คิดเป็นสัดส่วน 12.58%, ปลูกสร้างภายใน 1 ปี คิดเป็นสัดส่วน 26.46% และปลูกสร้าง 1 ปีขึ้นไป คิดเป็นสัดส่วน 27.07% (*กราฟแผนภูมิที่ 2) ส่วนงบประมาณในการก่อสร้างนั้น ส่วนใหญ่อยู่ที่ 2-5 ล้านบาท และส่วนใหญ่ต้องการพื้นที่ใช้สอยของบ้านที่ไม่เกิน 150-250 ตารางเมตร (ตร.ม.) บนเนื้อที่ไม่เกิน 50-100 ตารางวา (ตร.ว.) ขณะเดียวกัน ก็พบว่ามีสัดส่วนสูงถึง 47.03% ไม่ต้องการใช้สินเชื่อจากสถาบันการเงิน และอีก 32.45% มีความต้องการใช้สินเชื่อจากสถาบันการเงิน

สำหรับกลุ่มผู้บริโภคที่ต้องการปลูกสร้างบ้านนั้น พบว่ามีระดับรายได้เฉลี่ยมากสุด คือ 15,001-40,000 บาทต่อคนต่อเดือน คิดเป็นสัดส่วน 32.17% รองลงมามีระดับรายได้อยู่ที่ 40,001-70,000 บาทต่อคนต่อเดือน คิดเป็นสัดส่วน 18.25% เป็นต้น โดยผู้ที่ต้องการสร้างบ้านนั้น มีทั้งทำงานเป็นพนักงานบริษัทเอกชน, เจ้าของธุรกิจ และประกอบธุรกิจส่วนตัว “กลุ่มคนที่ปลูกสร้างบ้านส่วนใหญ่เป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่แยกครอบครัวจากครอบครัวเก่า และเป็นกลุ่มคนที่มีเงินออมมาระดับหนึ่ง นอกจากนี้ ยังมีกลุ่มคนที่เริ่มทำธุรกิจใหม่ หรือกลุ่ม Startup มีความพร้อมในการปลูกสร้างบ้านมากขึ้น” นายพิชิต กล่าว

นายพิชิต กล่าวด้วยว่า ปี 2560 เป็นปีแรกที่สมาคมฯ ได้ปรับกลยุทธ์ด้วยการจับมือกับพันธมิตรผู้ผลิตและจำหน่ายวัสดุก่อสร้าง ได้นำวัสดุฯ มาโชว์นวัตกรรม ซึ่งพบว่าได้รับความสนใจจากประชาชนที่มาชมงานเข้าไปชมบูท ซึ่งก็สอดคล้องกับข้อมูลของผู้บริโภคที่มาชมงาน “รับสร้างบ้านและวัสดุ Home Builder & Materials Expo 2017” ที่มีสัดส่วนสูงถึง 20.17% มาชมงานเพื่อศึกษาข้อมูลเทคโนโลยีและวัสดุก่อสร้าง ศึกษาข้อมูลแบบบ้านประมาณ 32.78% และว่าจ้างบริษัทสร้างบ้านคิดเป็นสัดส่วน 23.02% เป็นต้น (*กราฟแผนภูมิที่3)

พร้อมกันนี้ นายพิชิตยังได้กล่าวย้ำในตอนท้ายว่า จากกระแสการตอบรับของผู้บริโภคที่ได้จาการจัดงาน “รับสร้างบ้านและวัสดุฯ ครั้งล่าสุด เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ยอดขายในงานตลอด 4 วันได้กว่า 2,680 ล้านบาท รวมกับยอดขายที่จะตามมานั้น เชื่อว่าจะช่วยให้มูลค่าตลาดรวมธุรกิจรับสร้างบ้านในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล เติบโตได้ใกล้เคียงกับเป้าที่ตั้งไว้ประมาณ 10,200 ล้านบาท.
กำลังโหลดความคิดเห็น