นักวิเคราะห์หลักทรัพย์หลายสำนักกำลังขยับปรับเป้าหมายดัชนีตลาดหุ้น โดยทำนายว่า สิ้นปีนี้จะได้เห็นตัวเลข 1,700 จุด และปีหน้าจะได้เห็นสถิติสูงสุดใหม่ของตลาดหุ้นไทยที่ระดับ 1,800 จุด
ตั้งแต่ต้นปี นักวิเคราะห์หุ้นส่วนใหญ่ทำนายว่า ดัชนีสิ้นปีจะยืนอยู่แถว 1600 จุด ภายใต้สมมุติฐานว่า เศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัว ผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนจะไม่เติบโตมากนัก และยังมีปัจจัยเสี่ยงจากนโยบายเศรษฐกิจของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ
คำทำนายของนักวิเคราะห์หุ้นทำท่าจะเป็นจริง เพราะครึ่งปีแรกบรรยากาศการซื้อขายหุ้นซบเซา ดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบที่แคบมาก
แต่หลังจากย่างก้าวเข้าสู่ไตรมาสที่ 3 ไม่ทันเท่าไหร่ บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นเริ่มคึกคักขึ้น จนดัชนีฯสามารถตีฝ่าแนวต้านที่ระดับ 1,600 จุดขึ้นมาได้ นักวิเคราะห์หุ้นจึงแห่กันออกมาปรับประมาณการเป้าหมายดัชนีสิ้นปี โดยมองว่าจะยืนอยู่ที่ระดับ 1,650 จุด
และเพียงไม่กี่สัปดาห์ หลังจากปรับเป้าหมายตลาดหุ้นใหม่ นักวิเคราะห์หุ้นก็ชิงกันออกมา ประกาศเป้าดัชนีใหม่ ขยับขึ้นไปที่ระดับ 1,700 จุด
ปัจจัยสนับสนุนคำทำนายประกอบด้วย การเมืองเริ่มชัดเจน โดยจะมีการเลือกตั้งในเดือนสิงหาคมปีหน้า เศรษฐกิจฟื้นตัว และจะมีเงินทุนต่างชาติทยอยไหลเข้ามา โดยเดาด้วยว่า จะมีเงินเงินทุนต่างชาติไหลเข้ามาประมาณ 120,000 ล้านบาทในรอบ 12 เดือนข้างหน้า
ดัชนีปลายปีนี้จะขึ้นไปแตะที่ระดับ 1,700 จุดจริงหรือไม่ ขึ้นอยู่กับปัจจัยที่นักวิเคราะห์หุ้นยกขึ้นมาสนับสนุน โดยเศรษฐกิจฟื้นตัวจริงหรือไม่ เดือนสิงหาคมปีหน้าจะมีการเลือกตั้งแน่นอนจริงหรือ และต่างชาติจะหอบเงินเข้ามาลงทุน 120,000 ล้านบาทใน 12 เดือนข้างหน้าแน่นอนหรือไม่
ตลาดหุ้นไทยในปัจจุบัน ถือว่าไม่ถูกนัก เมื่อเทียบกับตลาดหุ้นย่านเอเชีย โดยมีค่าพี/อี เรโชกว่า 17เท่า อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลต่ำกว่า 3%
ปัจจัยพื้นฐานตลาดหุ้นไทยไม่จูงใจมากนัก แต่ถ้าผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนมีแนวโน้มเติบโตสูง ต่างชาติก็พร้อมจะเข้ามาลงทุน เพื่อซื้ออนาคต แม้ราคาหุ้นปัจจุบันจะแพงหน่อยก็ตาม
ผลกำไรบริษัทจดทะเบียนครึ่งปีแรกเติบโต 5.62% แต่งวดไตรมาสที่สอง กำไรบริษัทจดทะเบียนชะลอตัว 9.54% และไม่รู้ว่า ไตรมาสที่สามและสี่ปีนี้ กำไรบริษัทจดทะเบียนจะเติบโตหรือไม่
เพราะสำนักวิจัยของบริษัทโบรกเกอร์แต่ละแห่งยังมีมุมมองที่แตกต่างกันอยู่ โดยบางสำนักมองว่า ครึ่งปีหลังเศรษฐกิจและผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนจะดีกว่าครึ่งปีแรก ขณะที่บางสำนักไม่แน่ใจว่า ผลกำไรบริษัทจดทะเบียนจะเติบโต
คำทำนายของนักวิเคราะห์หุ้น บางทียึดเป็นสรณะไม่ได้ เพราะนักวิเคราะห์บางคนพูดไปเรื่อย ทำนายไปตามสถานการณ์ เมื่อตลาดคึกคัก จะมองโลกสวยหรู และหาเหตุผลต่างๆมาสนับสนุน เพื่อทำให้คำทำนายมีความน่าเชื่อถือ
ถ้าเดาถูกจะโม้ไปใหญ่โต แต่ถ้าเดาผิดก็เงียบ หรือไม่ก็มีเหตุผลมากมายมาแก้ตัว
4 มกราคม 2537 วันที่ดัชนีทะยานขึ้นไปแตะจุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ระดับ 1,753 จุด มีนักวิเคราะห์หลายคน ออกมาประกาศเป้าหมายดัชนีในปีนั้นใหม่ บางคนมองไปที่ระดับ 1,800 จุด แต่บางคนมองไปถึงระดับ 2,200 จุด
และยังไม่ทันสิ้นเสียงทำนาย วันรุ่งขึ้นดัชนีก็ดิ่งเหวลง และลงต่อเนื่องหลายปี จนต่ำสุดที่ระดับ205 จุด ก่อนจะเริ่มกระเตื้องขึ้น แต่ผ่านมาแล้วกว่า 23 ปี ดัชนีก็ยังไม่สามารถลบสถิติสูงสุดเดิมได้
นักวิเคราะห์หุ้นโบรกเกอร์บางค่ายประกาศมาแล้ว ปีหน้าดัชนีจะสร้างจุดสูงสุดใหม่ ขึ้นไปแตะระดับ 1,800 จุด ถ้าเกิดขึ้นจริงคงดี เพราะนักลงทุนจะได้ลืมตาอ้าปากกัน รวยโดยถ้วนหน้า
3 เพียงแต่นักลงทุนอย่างเพิ่งฝันหวานตามนักวิเคราะห์หุ้น อย่าแห่ไปกักตุนหุ้นไว้จนเต็มพอร์ต เอาเป็นว่าฟังหูไว้หูดีกว่า
เอาเป็นว่า เมื่อได้ฟังคำทำนาย ดัชนีสิ้นปีจะพุ่งไปแตะระดับ 1,700 จุด ทำให้นอนหลับฝันดีก็พอแล้วมั้ง
