xs
xsm
sm
md
lg

ความตึงเครียดเกาหลียังผลักดันทองคำไปต่อ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


สถานการณ์ความตึงเครียดคาบสมุทรเกาหลียังกดดันตลาดทุน ผลักดันราคาทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้น คาดระยะสั้นราคาทองคำยังทรงตัวอยู่ในระดับสูง แต่จะอยู่ในกรอบที่แคบลงหลังเดือนที่ผ่านมา ปรับตัวขึ้นมามาก แนะกลยุทธ์เข้ารับเมื่อราคาปรับลง และทำกำไรเมื่อปรับตัวขึ้นยังสามารถสร้างผลตอบแทนได้


“วรุต รุ่งขำ” ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส กล่าวถึงภาพรวมราคาทองคำที่ผ่านมาว่า ทิศทางราคาทองคำมีการขยับขึ้น และปิดตลาดไปค่อนข้างสดใส ราคาทองคำมีการทะยานขึ้นไปแตะระดับสูงสุดในรอบ 9 เดือนครึ่ง โดยได้รับแรงสนับสนุนจากสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างบริเวณคาบสมุทรเกาหลี หลังจากเกาหลีเหนือมีการยิงขีปนาวุธข้ามประเทศญี่ปุ่นไปตกในทะเลมหาสมุทรแปซิฟิก สถานการณ์ดังกล่าวส่งผลให้ทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยได้รับแรงหนุน และมีการทะยานขึ้นอย่างชัดเจน

ขณะที่ผลกระทบพายุฮาร์วีย์ ในสหรัฐฯ อาจจะส่งผลกระทบให้เศรษฐกิจทางฝั่งสหรัฐฯ มีทิศทางที่ชะลอตัวลง และการเปิดเผยตัวเลขอัตราเงินเฟ้อล่าสุดยังมีทิศทางที่ย่ำแย่ หรือมีการชะลอตัวกว่าที่ตลาดมีการประเมินไว้ ซึ่งคาดว่าจะส่งผลต่อการคาดการณ์การคุมเข้มนโยบายทางการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จนส่งผลให้แนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด ในเดือนธันวาคมมีการปรับตัวลดลงอย่างชัดเจน ถือเป็นปัจจัยบวก ส่งผลเชิงบวกต่อทิศทางราคาทองคำเพิ่มเติม

สำหรับปัจจัยที่ยังคงต้องจับตา ส่วนใหญ่ยังเป็นตัวเลขเศรษฐกิจในฝั่งสหรัฐฯ เช่น การเปิดเผยดัชนี PMI ภาคการบริการประจำเดือนสิงหาคม การเปิดเผยแรงงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นรายงานเศรษฐกิจที่เฟดใช้ในการดูว่าจะดำเนินการนโยบายการเงินอย่างไร รวมถึงการประชุมของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ซึ่งจะมีการแถลงการณ์ของประธานกลางยุโรป นายมาริโอ ดาร์กี้ และมีการประกาศอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ซึ่งนักลงทุนต่างจับตาดูการประชุมดังกล่าวว่าจะมีการส่งผล หรือมีการแถลงการณ์ต่อการคุมเข้มนโยบายทางการเงินหรือไม่ เพราะหากมีจริงอาจจะส่งผลต่อสกุลเงินยูโร และจะกลับมาส่งผลเชิงบวกต่อทิศทางราคาทองคำเพิ่มเติม

ทำให้กลยุทธ์การลงทุน ด้วยราคาทองคำแม้จะมีโมเมนตัมเชิงบวก แต่ราคามีการขยับขึ้นมาค่อนข้างมาก โดยในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ราคามีการปรับขึ้นประมาณ 53 เหรืยญ/ออนซ์ ดังนั้น จึงประเมินต่อการขยับขึ้นของราคาทองคำจะไปต่อในระยะสั้นอาจจะอยู่ในกรอบที่ค่อนข้างจำกัด แต่ยังทรงตัวอยู่ในระดับสูง ทั้งนี้ ประเมินกรอบแนวต้านด้านบนที่ระดับ 1,333-1,352 เหรียญ/ออนซ์ และประเมินกรอบแนวล่างระดับ 1,300-1,292 เหรียญ/ออนซ์ หากราคามีการปรับฐาน หรืออ่อนตัวลง นักลงทุนที่รับความเสี่ยงอาจใช้โซนดังกล่าวในการเข้าซื้อ แต่หากราคาหลุดในโซนดังกล่าวจะมีแนวรับถัดไปบริเวณ 1,278-1,266 เหรียญ/ออนซ์ โดยยังเน้นให้ทำการเข้าซื้อเมื่อราคามีการอ่อนตัวลง แต่หากนักลงทุนรับความเสี่ยงได้ไม่มาก เมื่อราคามีการขยับขึ้นอาจมีการแบ่งทองคำออกขายบางส่วนเพื่อเป็นการควบคุมความเสี่ยง

กำลังโหลดความคิดเห็น