ซีไอเอ็มบีไทย เผยสินเชื่อรายย่อยเติบโตได้ดี โดยเฉพาะสินเชื่อบ้านปล่อยใหม่หลังโหมบุกรีไฟแนนซ์ดันสัดส่วนเพิ่มเป็น 30-40% ของพอร์ต พร้อมเดินหน้ารุกต่อออก “สินเชื่อรีไฟแนนซ์บัตรเครดิต-สินเชื่อรีไฟแนนซ์บ้านแลกเงิน” คาด 4 เดือนที่เหลือปล่อยกู้ได้ 3-5 พันล้าน
นางสาวอรอนงค์ อุดมก้านตรง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผลิตภัณฑ์สินเชื่อรายย่อย ธนาคารซีไอเอ็มบีไทย จำกัด (มหาชน) (CIMBT) เปิดเผยว่า สินเชื่อรายย่อยของธนาคารใรปีนี้ยังคงขยายตัวได้ดี โดย 8 เดือนที่ผ่านมา มียอดคงค้าง 82,000 ล้านบาท จากสิ้นปี 2559 ที่อยู่ในระดับ 78,000 ล้านบาท และคาดว่าสิ้นปีนี้จะอยู่ที่ 85,000 ล้านบาท เติบโตประมาณ 9% โดยเป็นการเติบโตทั้งจากสินเชื่อที่มีหลักประกัน ได้แก่ สินเชื่อบ้าน และสินเชื่อที่ไม่มีหลักประกัน ได้แก่ สินเชื่อบุคคล บัตรเครดิต โดยเฉพาะสินเชื่อบ้านปล่อยใหม่ที่เติบโตถึง 20% และสินเชื่อบุคคลปล่อยใหม่เติบโตที่ 14% ขณะที่สินเชื่อปล่อยใหม่จะเติบโตประมาณ 20% และหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) อยู่ที่ 4%และน่าจะทรงตัวระดับเดิมจนถึงปลายปีนี้
นางสาวอรอนงค์ กล่าวอีกว่า สินเชื่อรายย่อยที่เติบโตได้ดีนั้น ส่วนหนึ่งมาจากที่เรามีระบบการพิจารณาสินเชื่อที่ดีขึ้น ทำให้ยอดอนุมัติสินเชื่อเพิ่มขึ้น รวมทั้งมีผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ลูกค้าได้ดี อาทิ สินเชื่อบ้านปล่อยใหม่ที่ขยายตัวได้ดี เป็นเพราะเรามาเน้นในเรื่องของรีไฟแนนซ์ที่ให้สิทธิประโยชน์ที่ดีกับลูกค้า ทำให้มียอดรีไฟแนนซ์อยู่ในพอร์ตประมาณ 30-40% ซึ่งธนาคารก็จะมุ่งกลยุทธ์ด้านนี้ต่อไป โดยพร้อมที่จะก้าวเป็นธนาคารแรกที่ลูกค้าคิดถึง เมื่อนึกถึงคำว่า รีไฟแนนซ์
ล่าสุด ธนาคารได้ออกสินเชื่อรีไฟแนนซ์บัตรเครดิต โดยระดับอัตราดอกเบี้ยจะสูงขึ้นตามระยะเวลาการผ่อนชำระ ในอัตราดอกเบี้ยเริ่มต้น 9% ผ่อนนาน 1 ปี สำหรับลูกค้าที่มีรายได้ประจำ 20,000 บาทขึ้นไปต่อเดือน, ประเภทดอกเบี้ย 11.73% ผ่อนนาน 15 เดือน และดอกเบี้ย 11.84% ผ่อนนาน 24 เดือน สำหรับลูกค้าที่มีรายได้ประจำ 30,000 บาทชึ้นไปต่อเดือน เป็นผู้ใช้บัตรเครดิตมากว่า 2 ปี
“จะผ่อนบัตรเครดิตไปทำไมในเมื่อมีสินเชื่อที่ดอกเบี้ยถูกกว่าเยอะ เราอยากให้ลูกค้าตั้งคำถามและสำรวจหนี้ทั้งหมดที่มีการวางแผนจัดระเบียบใหม่ ยกตัวอย่าง ลูกค้ามีหนี้คงค้างในบัตรเครดิต 1 แสนบาท ดอกเบี้ย 18% ผ่อนชำระงวดละ 10,000 บาทต่อเดือน หากรีไฟแนนซ์หนี้บัตรมาใช้โปรแกรมสินเชื่อบุคคลดอกเบี้ย 11.75% นาน 15 เดือน ค่างวดจะลดเหลือ 7,200 บาทต่อเดือน หากเลือกผ่อน 24 เดือน จะจ่ายค่างวดเพียงเดือนละ 4,700 บาท ประหยัดทั้งค่างวด และประหยัดต้นทุนดอกเบี้ยได้”
นอกจากนี้ ยังออกผลิตภัณฑ์ “สินเชื่อรีไฟแนนซ์บ้านแลกเงิน ดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรก 5.55%” สำหรับผู้มีสินเชื่อบ้านแลกเงินกับผู้ให้บริการรายอื่นที่ปัจจุบัน ลูกค้าต้องจ่ายอัตราดอกเบี้ยแพงกว่า 7% ขึ้นไป และต้องการรีไฟแนนซ์เพื่อประหยัดดอกเบี้ย โดยธนาคารคาดว่า ในช่วงที่เหลือของปีนี้ 2 ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวน่าจะปล่อยกู้ได้ประมาณ 3,000-5,000 ล้านบาท
“การรีไฟแนนซ์ถือว่าเป็นการให้ประโยชน์ทั้งกับผู้กู้ที่สามารถมีทางเลือกให้กับตนเองทั้งในเรื่องของอัตราดอกเบี้ยต่ำกว่าในระยะเวลาที่ต้องการ ขณะที่ธนาคารเองก็จะได้ลูกค้าที่ดี เพราะลูกค้ารีไฟแนนซ์นั้น เป็นส่วนที่ไม่มีการผิดนัดชำระหนี้ และการที่ธนาคารสามารถให้ทางเลือกที่ดีกับลูกค้า ก็เพราะเป็นลูกค้าที่มีความเสี่ยงต่ำ ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายด้านติดตามหนี้ เขาก็ควรจะได้รับอัตราดอกเบี้ยที่ดีด้วย ต้นทุนที่ลดลงธนาคารก็เอากลับมาคืนลูกค้าในรูปแบบของอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำ”