xs
xsm
sm
md
lg

SC โหมครึ่งปีหลังผุด 9 โครงการแนวราบทุกระดับราคา มั่นใจทั้งปีรายได้เข้าเป้า 1.48 หมื่นล้าน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


“เอสซี” ยังเป็นห่วงต่อภาวะเศรษฐกิจไทย แม้ ธปท. จะขยับขึ้นจีดีพี เป็น 3.5% พบ Housing NPLs เพิ่มมาอยู่ที่ 3.23% สูงเป็นครั้งแรกในรอบ 6 ปี สวนกระแสหันเปิดโครงการแนวราบทุกระดับราคาในครึ่งปีหลัง 9 โครงการ มูลค่า 11,450 ล้านบาท ทุ่มงบเกือบหมื่นล้านซื้อที่ดินรอ ผุดโครงการใหม่ 2 ปีข้างหน้า 30 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 25,000-28,000 ล้านบาท เดินหน้าตามแผนยุทธศาสตร์ human-centric innovation

นายณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SC ฉายภาพถึงมุมมองเศรษฐกิจไทยว่า จากที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มีการปรับคาดการณ์ในประเทศไทยว่า GDP ปีนี้จะเติบโตเพิ่มขึ้นจาก 3.2% เป็น 3.5% โดยปัจจัยหลักที่สร้างความเชื่อมั่นเป็นเรื่องการลงทุนภาครัฐ รวมถึงภาคการส่งออก และท่องเที่ยว ที่มีการขยายตัวต่อเนื่อง ส่วนภาคลงทุนเอกชน และการบริโภคนั้น ยังคงไม่เติบโตเท่าที่ควร และสถานการณ์หนี้ยังมีความน่ากังวล ซึ่งจะส่งผลต่อการเติบโตของธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในปีนี้ ณ ปลายไตรมาส 1/2560 แม้ว่าสัดส่วนหนี้ครัวเรือนต่อ GDP ลดลงเหลือ 78.6% แต่มีความกังวลว่า ความสามารถในการก่อหนี้ใหม่จะลดลงต่อเนื่องในแต่ละปี

แต่สินเชื่อกลุ่มที่อยู่อาศัย ขยายตัวแบบชะลอตัว สวนทางกับสัดส่วน NPL สินเชื่อที่อยู่อาศัย (Housing NPLs) ซึ่งเติบโตต่อเนื่องสูงขึ้นมาอยู่ที่ 3.23% ถือว่าสูงเป็นครั้งแรกในรอบ 6 ปี ส่งผลต่อความเข้มงวดของธนาคารในการปล่อยสินเชื่อ รวมถึงความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ไม่สามารถวางแผนการใช้เงินอนาคต ถือว่าเป็นความท้าทายของผู้ประกอบการในปัจจุบันเป็นอย่างมาก

อย่างไรก็ตาม SC มียอดปฏิเสธสินเชื่อธนาคารเฉพาะแนวราบในช่วงครึ่งปีแรกเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา สัดส่วนใกล้เคียงเดิมที่ประมาณ 10% แม้ข้อมูลจากธนาคารกสิกรไทยฯ และธนากรุงเทพฯ พบว่า มียอดปฏิเสธสินเชื่อลดลงมาอยู่ที่ 30-40% จากสิ้นปีก่อนที่ 40-45% ก็ตาม ทั้งนี้ สัดส่วนการชำระเงินสดโดยเฉพาะในกลุ่ม Luxury segment สูงถึง 50% สูงกว่าปีที่ผ่านมา สรุปได้ว่า ดีมานด์ในตลาดยังมีอัตราการเติบโต แต่พบว่า ปัญหาเรื่องหนี้ทำให้โอกาสในการใช้เงินล่วงหน้าในอนาคตน้อยลง ทำให้ต้องใช้เงินในปัจจุบันแทน

“SC ยังมีความมั่นใจในเป้าหมายปีนี้ตามที่วางไว้ ด้วยยอดขาย 16,000 ล้านบาท และรายได้ 14,800 ล้านบาท รวมรายได้จากค่าเช่าจากธุรกิจให้บริการอาคารสำนักงาน”

โดยแผนครึ่งปีหลังจะเปิดแนวราบทุกระดับราคา จำนวน 9 โครงการใหม่ มูลค่า 11,450 ล้านบาท ได้แก่โครงการเดอะ เจนทริ พระราม 9 (The Gentry) ตั้งอยู่ที่รามคำแหง ซอย 9 พื้นที่ 4 ไร่ เป็นบ้านเดี่ยว ขนาด 60-100 ตารางวา ราคาขายเริ่มต้นที่ 30 ล้านบาท จำนวน 13 ยูนิต มูลค่า 400 ล้านบาท

โครงการบางกอก บูเลอวาร์ด (Bangkok Boulevard) ซึ่งจะเปิดมากถึง 5 ทำเล เนื่องจากในปีที่ผ่านมา แบรนด์บางกอก บูเลอวาร์ด มีการปิดการขายโครงการไปเป็นจำนวนมาก โดยโครงการใหม่ที่จะเปิดในปีนี้ แบ่งเป็นโครงการบางกอก บูเลอวาร์ด รังสิต, สาทร-ราชพฤกษ์, ราชพฤกษ์-รัตนาธิเบศร์, แจ้งวัฒนะ และสาทร-ปิ่นเกล้า ราคาเริ่มต้นที่ 6-20 ล้านบาท รวมมูลค่าประมาณเกือบ 9,000 ล้านบาท

โครงการเพฟ (Pave) รามอินทรา-วงแหวน ซึ่งเป็นโครงการ 3 ที่เปิดภายใต้แบรนด์เพฟ ซึ่งจะมีพื้นที่โครงการ 78 ไร่ ขนาด 50 ตารางวาขึ้นไป ราคาขายเริ่มต้นที่4 ล้านบาทต้น ๆ จำนวน 308 ยูนิต

โครงการเวิร์คเพลส แบรนด์ใหม่ (Work Place) แจ้งวัฒนะ บนพื้นที่ 3 ไร่ เป็นอาคารพาณิชย์ 4 ชั้น ขนาด 26 ตาราวาขึ้นไป ราคาขายเริ่มต้นที่ 9 ล้านบาท จำนวน 26 ยูนิต มูลค่าโครงการ 300 ล้านบาท มียอดขายไปแล้ว 60% และโครงการเวิร์ฟ (Verve) เพชรเกษม 81 เนื้อที่ 18 ไร่ รูปแบบทาวน์เฮาส์ 2 ชั้น แบรนด์ใหม่ ขนาด 16 ตารางวาขึ้นไป ราคาขายเริ่มต้นที่ 2.59 ล้านบาท จำนวน 181 ยูนิต มูลค่าโครงการประมาณ 500 ล้านบาท คาดเปิดการขายในช่วงไตรมาส 4 ปีนี้

“สรุปในปีนี้ SC มีโครงการเพื่อขายทั้งหมด 44 โครงการ มูลค่า 44,135 ล้านบาท แบ่งเป็น โครงการระหว่างการพัฒนา จำนวน 35 โครงการ พร้อมกับอีก 9 โครงการใหม่ในครึ่งปีหลัง นอกจากนี้ ได้ปรับเพิ่มงบซื้อที่ดินเพิ่มเป็น 9,100 ล้านบาท สามารถสร้างโครงการใหม่รองรับในช่วง 2 ปีข้างหน้า ได้ประมาณ 20-30 โครงการ มูลค่ารวม 25,000-28,000 ล้านบาท ทั้งนี้ เพื่อสร้างยอดขายและรายได้ให้กับ SC ภายใน 3 ปีข้างหน้า ทะลุเป้าหมาย 20,000 ล้านบาท” นายณัฐพงศ์ กล่าว

สำหรับโครงการแนวสูงปัจจุบันพัฒนาไปแล้วทั้งหมด 11 โครงการ รวมมูลค่า 11,942 ล้านบาท ซึ่งเปิดตัวไปแล้วทั้งหมดเมื่อครึ่งปีแรก โดยสัดส่วนมากกว่า 80% เป็นกลุ่มซูเปอร์ลักชัวรี โดยในครึ่งปีแรกเปิดตัวไป 2 โครงการ รวมมูลค่าโครงการเกือบ 9,000 ล้านบาท ดังนั้น ในครึ่งปีหลัง 2560 จึงชะลอการเปิดตัวคอนโดฯไป เพราะมีสินค้าพร้อมโอน (สต๊อก) เหลือขายอยู่อีกประมาณ 3,000 ล้านบาท ดังนั้นคอนโดฯ จะไปเปิดตัวใหม่อีกครั้งในปีหน้า ส่วนสต็อกแนวราบปัจจุบันมีประมาณ 3,000 ล้านบาท

ทั้งนี้ จากการที่ SC ได้ประกาศยุทธศาสตร์เรื่อง human-centric innovation ไปเมื่อต้นปี 2560 ที่ผ่านมา หลังจากนั้น มีการขยายธุรกิจใหม่ และลงทุนใน platform เรื่องบริการหลังการขายกับ tech startup “Fixzy” ดังนั้น แผนการดำเนินงานในครึ่งปีหลัง จึงดำเนินตามยุทธศาสตร์ ดังนี้

1. ร่วมพัฒนา iOT smarthome platform ชื่อ “ Rue Jai ™ (รู้ใจ™)” สำหรับลูกค้า SC ร่วมกับพันธมิตรทางธุรกิจกับ AIS ผู้ให้บริการ Digital Life Service Provider อันดับ 1 ของประเทศไทย ให้เป็น smarthome platform ที่พัฒนาโดยคนไทย และเพื่อคนไทย เป็นเทคโนโลยีสมาร์ทโฮมที่เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตที่จับต้องได้ พร้อมจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในปลายปีนี้ เพราะเชื่อมั่นว่า ภายใน 3 ปี ตลาด IoT เติบโตมากขึ้น โดยจะเริ่มเปิดตัวที่โครงการ เดอะ เจนทริ พระราม 9 (The Gentry) เป็นแห่งแรก และในปี 2561 จะนำไปใช้ในทุกโครงการของ SC

2. SC 4.0 housing prototypes ได้มีการใช้ design thinking ในการออกแบบ prototype สำหรับบ้านคอนเซ็ปต์ในอนาคต โดยจะเริ่มเปิดตัวในโครงการต่าง ๆ ในช่วงไตรมาส 4/2560 โดยเริ่มจากบ้านแบรนด์บางกอก บูเลอวาร์ด

อย่างไรก็ตาม ผลสำเร็จของการดำเนินธุรกิจช่วงครึ่งปีแรก ทำให้บริษัทฯ สามารถทำยอดขายรวมได้ 7,493 ล้านบาท เติบโต 44% (yoy) ซึ่งมาจากผลตอบรับที่ดีจากยอดขายแนวราบ 4,491 ล้านบาท เติบโต 14% (yoy) โดยเกือบ 30% ของยอดขายแนวราบมาจากโครงการบางกอก บูเลอวาร์ด กับยอดขายคอนโดฯ 3,002 ล้านบาท เติบโต 137 (yoy) นอกจากนี้ ยังมียอดขายจากการ walk-in ผ่านสื่อออนไลน์ถึง 30% ทำให้ลดค่าใช้จ่ายการตลาดลูกค้าแวะต่อคนถึง 5 เท่าจาก Traditional media.


กำลังโหลดความคิดเห็น