xs
xsm
sm
md
lg

“กรุ๊ปลีส” คาดพอร์ตสินเชื่อปี 60 โตกว่าปีก่อนหน้า เชื่อโอกาสในตลาด AEC ยังมีอยู่มาก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


ประธานบอร์ด กรุ๊ปลีส เผยผลประกอบการไตรมาส 1/2560 ดีกว่าคาดหากเทียบกับปีที่แล้ว จากพอร์ตสินเชื่อคงค้างกว่า 10,716 ล้านบาท ตั้งเป้ารุกธุรกิจสินเชื่อในต่างประเทศเน้นกลุ่ม AEC เช่น พม่า อินโด เพราะยังมีโอกาสขยายตัวได้อีก แย้มศึกษา M&A ซื้อกิจการอยู่ แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้จนกว่าจะมีข้อสรุปที่ชัดเจน

นายทัตซึยะ โคโนชิตะ ประธานคณะกรรมการบริหาร บมจ.กรุ๊ปลีส (GL) เปิดเผยถึงแผนการนำเนินงานในปีนี้ว่า บริษัทฯ คาดพอร์ตสินเชื่อปีนี้น่าจะเติบโตดีกว่าคาดการณ์ หลังไตรมาส 1/60 มีพอร์ตสินเชื่อคงค้างอยู่ที่ 10,716 ล้านบาท ซึ่งเป็นการเติบโตจากประเทศพม่า และอินโดนีเซีย ที่เชื่อว่ายังมีโอกาสในการเติบโตได้อีก จากปัจจุบัน บริษัทฯ มีสัดส่วนรายได้ในประเทศไทย 51%, กัมพูชา 44%, สปป.ลาว, อินโดนีเซีย 1.1% และเมียนมา 0.6% มองว่า ในปีนี้สัดส่วนก็น่าจะมีการเปลี่ยนแปลง จากมีการบันทึกรายได้ของประเทศเมียนมา และอินโดนีเซีย เข้ามาเพิ่มเติม

ทั้งนี้ บริษัทฯ มีแผนการปล่อยสินเชื่อในปีนี้ แบ่งเป็นการปล่อยสินเชื่อประเภทรถจักรยานยนต์มือ 1 คาดว่าสิ้นปีนี้จะมีการปล่อยสินเชื่อประมาณ 15,000 สัญญาต่อเดือน จากปีก่อนซึ่งอยู่ที่ 6,327 สัญญาต่อเดือน โดยจะเน้นขยายในประเทศเมียนมาเพิ่มขึ้น ขณะที่การปล่อยสินเชื่อประเภทรถจักรยานยนต์มือสอง คาดว่าสิ้นปีนี้จะเพิ่มขึ้นเป็น 1,000 สัญญาต่อเดือน จากปีก่อนซึ่งอยู่ที่ 240 สัญญาต่อเดือน โดยมีแผนขยายไปยังประเทศพม่า จากปัจจุบันเน้นตลาดในประเทศไทยเป็นหลัก ส่วนการปล่อยสินเชื่อประเภทเครื่องจักรกลทางการเกษตร คาดสิ้นปีนี้จะเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 250 สัญญาต่อเดือน จากปีก่อนอยู่ที่ 58 สัญญาต่อเดือน ตามการเติบโตของประเทศอินโดนีเชีย ซึ่งที่ผ่านมา ก็ทำตัวเลขสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขณะที่การปล่อยสินเชื่อที่มีสินทรัพย์ค้ำประกัน (Asset Back loan) คาดสิ้นปีจะปล่อยสินเชื่อได้กว่า 2,000 สัญญาต่อเดือน จากปีก่อนซึ่งอยู่ที่ 1,370 สัญญาต่อเดือน โดยจะเสนอไปยังประเทศกัมพูชาเพิ่มเติม เชื่อว่าจะมีการเติบโตมากขึ้นในส่วนนี้ ส่วนสินเชื่อไมโครไฟแนนซ์ ซึ่งถือว่าเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ ตั้งเป้ามีฐานลูกค้าสิ้นปีนี้ไม่น้อยกว่า 70,000 ราย จากปัจจุบันมีอยู่ที่กว่า 16,882 ราย

“บริษัทฯ มีสัดส่วนรายได้มาจากธุรกิจเช่าซื้อ 72.2% การปล่อยเงินกู้ 19.0% และ Asset Back loan 4.6% ตลอดจนถึงไมโครไฟแนนซ์ 0.6% และอื่นๆ 3.5% โดยมองว่าการปล่อยสินเชื่อที่มีสินทรัพย์ค้ำประกัน (Asset Back loan) และสินเชื่อไมโครไฟแนนซ์ ในปีนี้จะเติบโตอย่างชัดเจนในแง่ของจำนวนที่เพิ่มขึ้น”

อย่างไรก็ตาม ในส่วนของผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/60 มองว่า น่าจะเติบโตต่อเนื่องจากไตรมาส 1/2560 ซึ่งทำกำไรสุทธิสูงสุด หรืออยู่ที่ 327.36 ล้านบาท เป็นไปตามการปล่อยสินเชื่อที่เพิ่มขึ้น และการรับรู้เงินปันผลพิเศษของบริษัทย่อย คือ GL Holdings (GLH) ในประเทศสิงคโปร์ ที่บริษัทฯ ถือหุ้นอยู่ 100% คิดเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้นกว่า 346 ล้านบาท อันจะทำให้ผลประกอบการในไตรมาส 2/60 สะท้อนออกมาในทิศทางบวก

นอกจากนี้ ตามรายงานที่แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยวันนี้ ระบุว่า คณะกรรมการของบริษัทย่อย GLH สิงคโปร์ มีมติเมื่อวันที่ 9 พ.ค.60 ให้จ่ายเงินปันผล 9.99 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 346 ล้านบาท ให้กับผู้ถือหุ้น บริษัทแม่ GL ภายในวันที่ 17 พ.ค.นี้ ส่วนบริษัท Commercial Credit and Finance PLC (CCF) ประเทศศรีลังกา เข้าถือหุ้นในสัดส่วน 29.99% ผลประกอบการก็เริ่มปรับตัวดีขึ้น ซึ่งราคาหุ้นของ CCF ที่ปรับตัวลง บริษัทฯ ยืนยันว่า ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องตั้งสำรองเผื่อการด้อยค่า เนื่องจากถือหุ้นในสัดส่วนที่น้อย และมียังนโนบายลงทุนใน CCF ระยะยาว

ส่วนการลงทุนซื้อกิจการในต่างประเทศ หรือ M&A นั้น บริษัทฯ จะต้องมีการวางแผน และพิจารณาถึงผลประกอบการในการเข้าไปลงทุน ซึ่งถือว่าเป็นนโยบายอย่างหนึ่งของบริษัทฯ ที่จะสนับสนุนผลประกอบการให้เติบโตอย่างก้าวกระโดดในอนาคต ซึ่งขณะนี้มีการศึกษาความเป็นไปได้ในการเข้าไป M&A แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้จนกว่าจะมีข้อสรุปที่ชัดเจน
กำลังโหลดความคิดเห็น