xs
xsm
sm
md
lg

คาด SET Index วันนี้เคลื่อนไหวกรอบแคบไร้ปัจจัยหนุน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


KTBST คาด SET Index วันนี้เคลื่อนไหวกรอบแคบไร้ปัจจัยหนุน แนะเก็งกำไรช่วงสั้นหุ้นรายตัว

นายมงคล พ่วงเภตรา ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ กลยุทธ์การลงทุน บล.เคทีบี (ประเทศไทย) หรือ KTBST ประเมินทิศทางตลาดหุ้นไทยวันนี้ (9 พ.ค.) ดัชนีมีโอกาสปิดลดลงเล็กน้อย การเคลื่อนไหวจะยังคงอยู่ในกรอบแคบๆ ต่อไป เนื่องจากตัวแปรทั้งใน และต่างประเทศรวมแล้ว ยังไม่ได้หนุนหรือพลิกให้ตลาดหุ้นกลับมาเป็นบวกได้อย่างชัดเจน ทำให้การเข้าลงทุนของนักลงทุนจะเป็นแบบ selective buy และเก็งกำไรช่วงสั้น

“แม้ปัจจัยเสี่ยงของตลาดจะค่อยๆ ลดลง แต่ตลาดยังขาดปัจจัยหรือแรงซื้อ กลยุทธ์ของเรา คือ แนะนำชะลอดูสถานการณ์ ถ้าดัชนีฯ ลงมาต่ำกว่า 1,566 ให้ลดพอร์ตลง หรือเล่นแบบเก็งกำไรช่วงสั้นๆ ในแบบ “ลงซื้อ ขึ้นขาย” สำหรับหุ้นที่เราคาดว่า อาจได้รับความสนใจจากนักลงทุนในวันนี้ อาทิ KKP, INTUCH, ERW, MTLS, MC, JMART, AU” นายมงคล กล่าว

แม้ตัวเลขจ้างงานของสหรัฐฯ ออกมาดี และผลการเลือกตั้งของฝรั่งเศส แต่การตอบรับของนักลงทุนในตลาดต่างประเทศนั้น ไปมองอีกด้านหนึ่งด้วย คือ โอกาสที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟด (FOMC) 14 มิ.ย.ที่จะถึงนี้ ค่าความน่าจะเป็นในการปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟด (Fed Fund Rate Implies Probabilities) สำหรับการประชุม FOMC 14 มิ.ย. อยู่ที่ 95% และนักลงทุนจับตาการเลือกตั้งรัฐสภาฝรั่งเศสในเดือนหน้า เพื่อดูว่าพรรค La Republique en march ของนายเอมมานูเอล มาครง จะสามารถกวาดที่นั่งส่วนใหญ่ในรัฐสภาได้หรือไม่ จึงทำให้ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐฯ-ยุโรป เปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อย

ทั้งนี้ จากความเสี่ยงของตลาดที่ทยอยลดลงทั้งสถานการณ์ในคาบสมุทรเกาหลี และการเลือกตั้งในฝรั่งเศส ส่งผลให้นักลงทุนเข้าถือครองสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นบวกต่อราคาทองคำ แต่ทำให้ราคาพันธบัตรปรับตัวลดลง เพราะนักลงทุนเก็งว่า สหรัฐฯ จะปรับขึ้นดอกเบี้ย นอกจากนี้ เราคาดว่าจะเป็นบวกต่อราคาสินค้าโภคภัณฑ์ด้วย

ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ WTI ปิดไปที่ 46 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ความกังวลต่อซัปพลายที่ล้นตลาดมีน้อยลง หลังตัวแทนของโอเปก คือ ซาอุดิอาราเบีย และรัสเซีย ประกาศว่า จะร่วมมือกันลดกำลังการผลิตต่อไปอีกจนถึงไตรมาส 1/61 ทำให้การประชุม 25 พ.ค.นี้ ของกลุ่มโอเปก ผลน่าจะออกมาดี และเป็นสัญญาณว่าผู้ผลิตน้ำมัน พยายามไม่ให้ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลงไปต่ำกว่าระดับ 45 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล เป็นบวกต่อหุ้นในกลุ่มน้ำมัน และปิโตรเคมี

ส่วนปัจจัยในประเทศ ตลาดยังให้ความสนใจต่อการรายงานผลประกอบการไตรมาส 1/60 ที่เริ่มออกมามากขึ้นในสัปดาห์นี้ จากการรวบรวบรวมข้อมูล 55 บริษัทฯ ที่นำส่งผลประกอบการมาแล้ว พบว่ามีการเพิ่มขึ้น 19% YoY และ 33% QoQ นอกจากนี้ ยังต้องจับตาดู Event สำคัญ คือ บมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP) จะมีการแถลงข่าวในเรื่องคดีที่ถูกทางการอินโดนีเซียฟ้อง (เวลา 10.00 น.) และการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) อีกทั้ง ต้องดูท่าทีของนักลงทุนต่างประเทศว่า จะพลิกกลับมาซื้อหุ้นไทยเป็นวันที่สองหรือไม่ หลังขายมาตลอดทั้งสัปดาห์ที่ผ่านมา
กำลังโหลดความคิดเห็น