หลังจากปิดปรับตัวเพิ่มขึ้นถึง 8.4% ในช่วงไตรมาส 1 ของปีนี้ ราคาทองคำในช่วงต้นของไตรมาส 2 มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยได้รับแรงหนุนจากความต้องการทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย หลังมีรายงานว่ากองทัพสหรัฐฯ ได้ยิงขีปนาวุธโจมตีฐานทัพอากาศในซีเรีย ที่ควบคุมโดยกองกำลังของประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด โดยปฏิบัติการนี้อาจส่งผลให้สหรัฐเผชิญหน้ากับรัสเซีย และอิหร่านซึ่งถือเป็นสองประเทศสำคัญที่ให้การสนับสนุนทางการทหารแก่ประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด
นอกจากนี้ ราคาทองคำยังได้รับแรงหนุนเพิ่มเติมหลังกระทรวงแรงงานสหรัฐฯ รายงานว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรในเดือน มี.ค.เพิ่มขึ้นเพียง 98,000 ตำแหน่งซึ่งถือเป็นเพิ่มขึ้นในระดับที่ต่ำที่สุดในรอบ 10 เดือน ด้านอัตราการว่างงานร่วงลงสู่ระดับ 4.5% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 10 ปี อย่างไรก็ตาม เมื่อเหตุการณ์ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในซีเรียไม่ได้ขยายวงกว้างในทันทีทันใดก็ส่งผลให้เกิดแรงขายทองคำเพื่อทำกำไรในเวลาต่อมา
ก่อนที่ราคาทองคำปรับตัวขึ้นแรงอีกครั้งในวันที่ 11 เม.ย. จากความวิตกกังวลในหมู่นักลงทุนว่าความตึงเครียดในซีเรียจะส่งผลให้ความสัมพันธ์ระหว่างรัสเซีย และสหรัฐฯ ย่ำแย่ลง ประกอบกับความตึงเครียดในแถบคาบสมุทรเกาหลีมีแนวโน้มจะทวีความรุนแรงมากขึ้นเช่นกัน หลังจากหนังสือพิมพ์โรดอง ซินมุน ของเกาหลีเหนือ รายงานว่า เกาหลีเหนืออาจทำการโจมตีสหรัฐฯ ด้วยระเบิดนิวเคลียร์หากมีสัญญาณบ่งชี้ว่ากำลังเตรียมการโจมตีเกาหลีเหนือ โดยคำขู่ดังกล่าวเป็นไปเพื่อตอบโต้การที่กองเรือบรรทุกเครื่องบินโจมตีของสหรัฐฯ แล่นมาใกล้คาบสมุทรเกาหลี ซึ่งความวิตกกังวลดังกล่าว กดดันความต้องการสินทรัพย์เสี่ยงและกระตุ้นแรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างทองคำให้พุ่งขึ้นไปแตะระดับสูงสุดใหม่ในรอบ 5 เดือนบริเวณ 1,279.80 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ทั้งนี้ แนะนำนักลงทุนจับตาความเคลื่อนไหวของเกาหลีเหนือตลอดเดือนนี้อย่างใกล้ชิด เนื่องจากเกาหลีเหนือมักทำการแสดงแสนยานุภาพทางการทหารในวันครบรอบต่างๆ โดยในวันที่ 15 เม.ย. จะตรงกับวันครบรอบวันเกิดของ นายคิม อิล ซุง ผู้ก่อตั้งเกาหลีเหนือ และในวันที่ 25 เม.ย. จะเป็นวันครบรอบ 85 ปี แห่งการก่อตั้งกองทัพประชาชนเกาหลี ซึ่งหากเกาหลีเหนือกระทำการยั่วยุเพิ่มเติม และเกิดการตอบโต้การกระทำดังกล่าวจากสหรัฐฯ อาจส่งผลในเชิงบวกต่อราคาทองคำได้ ในทางกลับกันหากปัญหาความขัดแย้งไม่ได้ทวีความรุนแรงมากเท่าที่ตลาดเคยคาดการณ์ก็อาจส่งผลให้เกิดแรงขายในราคาทองคำได้เช่นกัน
นอกจากนี้ ราคาทองคำยังได้รับแรงหนุนเพิ่มเติมหลังกระทรวงแรงงานสหรัฐฯ รายงานว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรในเดือน มี.ค.เพิ่มขึ้นเพียง 98,000 ตำแหน่งซึ่งถือเป็นเพิ่มขึ้นในระดับที่ต่ำที่สุดในรอบ 10 เดือน ด้านอัตราการว่างงานร่วงลงสู่ระดับ 4.5% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 10 ปี อย่างไรก็ตาม เมื่อเหตุการณ์ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในซีเรียไม่ได้ขยายวงกว้างในทันทีทันใดก็ส่งผลให้เกิดแรงขายทองคำเพื่อทำกำไรในเวลาต่อมา
ก่อนที่ราคาทองคำปรับตัวขึ้นแรงอีกครั้งในวันที่ 11 เม.ย. จากความวิตกกังวลในหมู่นักลงทุนว่าความตึงเครียดในซีเรียจะส่งผลให้ความสัมพันธ์ระหว่างรัสเซีย และสหรัฐฯ ย่ำแย่ลง ประกอบกับความตึงเครียดในแถบคาบสมุทรเกาหลีมีแนวโน้มจะทวีความรุนแรงมากขึ้นเช่นกัน หลังจากหนังสือพิมพ์โรดอง ซินมุน ของเกาหลีเหนือ รายงานว่า เกาหลีเหนืออาจทำการโจมตีสหรัฐฯ ด้วยระเบิดนิวเคลียร์หากมีสัญญาณบ่งชี้ว่ากำลังเตรียมการโจมตีเกาหลีเหนือ โดยคำขู่ดังกล่าวเป็นไปเพื่อตอบโต้การที่กองเรือบรรทุกเครื่องบินโจมตีของสหรัฐฯ แล่นมาใกล้คาบสมุทรเกาหลี ซึ่งความวิตกกังวลดังกล่าว กดดันความต้องการสินทรัพย์เสี่ยงและกระตุ้นแรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างทองคำให้พุ่งขึ้นไปแตะระดับสูงสุดใหม่ในรอบ 5 เดือนบริเวณ 1,279.80 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ทั้งนี้ แนะนำนักลงทุนจับตาความเคลื่อนไหวของเกาหลีเหนือตลอดเดือนนี้อย่างใกล้ชิด เนื่องจากเกาหลีเหนือมักทำการแสดงแสนยานุภาพทางการทหารในวันครบรอบต่างๆ โดยในวันที่ 15 เม.ย. จะตรงกับวันครบรอบวันเกิดของ นายคิม อิล ซุง ผู้ก่อตั้งเกาหลีเหนือ และในวันที่ 25 เม.ย. จะเป็นวันครบรอบ 85 ปี แห่งการก่อตั้งกองทัพประชาชนเกาหลี ซึ่งหากเกาหลีเหนือกระทำการยั่วยุเพิ่มเติม และเกิดการตอบโต้การกระทำดังกล่าวจากสหรัฐฯ อาจส่งผลในเชิงบวกต่อราคาทองคำได้ ในทางกลับกันหากปัญหาความขัดแย้งไม่ได้ทวีความรุนแรงมากเท่าที่ตลาดเคยคาดการณ์ก็อาจส่งผลให้เกิดแรงขายในราคาทองคำได้เช่นกัน