BEAUTY มั่นใจฐานลูกค้าแกร่ง สั่งสินค้าต้นทุนเพิ่มต่อเนื่อง ค่าเงินที่ผันผวนกระทบต้นทุนธุรกิจเพียง 1% เดินหน้าขยายสาขาต่อเนื่องรุกเข้า CLMV พัฒนาซอฟต์แวร์ขยายตลาดออนไลน์ เชื่อรายได้ปี 60 โตไม่ต่ำกว่า 20%
นายแพทย์สุวิน ไกรภูเบศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิวตี้ คอมมูนิตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ BEAUTY ระบุความผันผวนของค่าเงินในปัจจุบัน กระทบต้นทุนการดำเนินงานของบริษัทประมาณ 1% เท่านั้น เนื่องจาก BEAUTY สั่งของผ่านตัวแทนจำหน่ายในประเทศไทย ประกอบกับทาง BEAUTY เพิ่มปริมาณการสั่งซื้อสินค้าอย่างต่อเนื่อง เมื่อเทียบมูลค่าความเปลี่ยนแปลงแล้ว จึงไม่ส่งผลกระทบต่อต้นทุนการดำเนินงานแต่อย่างใด
“เราสั่งสินค้าจากตัวแทนจำหน่ายในประเทศไทย จึงชำระค่าสินค้าเป็นเงินบาท ประกอบกับเราเพิ่มปริมาณการสั่งซื้ออย่างต่อเนื่อง ตามปริมาณการขายที่เพิ่มขึ้น ดังนั้น เมื่อเฉลี่ยกันแล้ว จนถึงขณะนี้ คู่ค้าจึงยังไม่มีการแจ้งขอปรับขึ้นราคาสิ้นค้าที่ส่งให้เรา” นายแพทย์สุวิน กล่าว
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร BEAUTY มั่นใจว่า ภาพรวมเศรษฐกิจในประเทศจะเริ่มดีขึ้นตามการลงทุนภาครัฐ ประชาชนเริ่มมีความมั่นใจในการจับจ่ายซื้อสินค้าฟุ่มเฟือยเพิ่มขึ้น ดังนั้น จึงเป้ารายได้ปี 60 ไม่ต่ำกว่า 3,100 ล้านบาท หรือเติบโตไม่ต่ำกว่า 20% และจะรักษาอัตรากำไรสุทธิให้โตไม่น้อยกว่า 20% โดยมีที่จะรุกเข้าไปในกลุ่มประเทศ CLMV เพิ่มมากขึ้นด้วยการขยายสาขาที่เป็น Independent shop จำนวน 14 สาขา ในกัมพูชา 2 สาขา ลาว 1 สาขา พม่า 1 สาขา และเวียดนาม 10 สาขา จากปัจจุบัน 40 สาขา สำหรับรูปแบบ Shop in Shop ปัจจุบันมีตัวแทนจำหน่ายแล้วทั้งหมด 3 ประเทศ อินโดนีเซีย 19 สาขา ฮ่องกง 100 สาขา ไต้หวัน 19 สาขา
“สินค้าของเรานอกจากกลุ่มลูกค้าในไทยในประเทศพรมแดนติดกันแล้ว เรายังได้รับความนิยมจากชาวจีนที่เข้ามาท่องเที่ยวนิยมซื้อกลับไปทั้งการซื้อไปขายต่อ และซื้อไปฝาก การที่ประเทศไทยได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวต่างประเทศเดินทางมาท่องเที่ยว ส่งผลให้ความต้องการผลิตภัณฑ์ด้านความงามของเรามีเพิ่มขึ้นตาม” นายแพทย์สุวิน กล่าว
นายแพทย์สุวิน มั่นใจว่า สินค้าด้านความงามจากต่างประเทศ ที่เข้ามาสร้างฐานลูกค้าในไทย ไม่กระทบกลุ่มลูกค้าของ BEAUTY เนื่องจากมีฐานลูกค้าคนละกลุ่ม อีกทั้งยังต้องสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ใช้ ขณะที่ผลิตภัณฑ์ของ BEAUTY ได้รับการยอมรับมาในระดับหนึ่ง
“สินค้าจากทั้งเกาหลี และไต้หวันที่เข้ามาก็สามารถทำตลาดได้ในระดับหนึ่ง แต่เรามีจำนวนสาขาที่มากกว่า รวมถึงสินค้าเราสร้างความมั่นใจให้กับกลุ่มผู้ใช้ได้ จึงยังคงรักษาฐานลูกค้าได้อย่างต่อเนื่อง ส่วนสินค้าจากญี่ปุ่นก็เป็นตลาดบน ไม่ส่งผลกระทบกับฐานลูกค้าของเรา การดำเนินธุรกิจของ BEAUTY เน้นที่จะให้ลูกค้ามีส่วนร่วมในการขายมากขึ้น เพื่อช่วยสร้างยอดขาย และทำให้เกิด Brand Loyalty ไปพร้อมกัน ดังนั้น เราจึงเตรียมลงทุน 160 ล้านบาท ใช้ในการเปิดสาขาใหม่ 110 ล้านบาท อีก 50 ล้านบาท จะพัฒนาระบบซอฟต์แวร์ และฮาร์ดแวร์ต่างๆ รุกตลาดออนไลน์ เพิ่มประสิทธิภาพในการสร้างยอดขาย รองรับการเติบโตของบริษัทในอนาคต” นายแพทย์สุวิน กล่าว
นายแพทย์สุวิน ไกรภูเบศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิวตี้ คอมมูนิตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ BEAUTY ระบุความผันผวนของค่าเงินในปัจจุบัน กระทบต้นทุนการดำเนินงานของบริษัทประมาณ 1% เท่านั้น เนื่องจาก BEAUTY สั่งของผ่านตัวแทนจำหน่ายในประเทศไทย ประกอบกับทาง BEAUTY เพิ่มปริมาณการสั่งซื้อสินค้าอย่างต่อเนื่อง เมื่อเทียบมูลค่าความเปลี่ยนแปลงแล้ว จึงไม่ส่งผลกระทบต่อต้นทุนการดำเนินงานแต่อย่างใด
“เราสั่งสินค้าจากตัวแทนจำหน่ายในประเทศไทย จึงชำระค่าสินค้าเป็นเงินบาท ประกอบกับเราเพิ่มปริมาณการสั่งซื้ออย่างต่อเนื่อง ตามปริมาณการขายที่เพิ่มขึ้น ดังนั้น เมื่อเฉลี่ยกันแล้ว จนถึงขณะนี้ คู่ค้าจึงยังไม่มีการแจ้งขอปรับขึ้นราคาสิ้นค้าที่ส่งให้เรา” นายแพทย์สุวิน กล่าว
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร BEAUTY มั่นใจว่า ภาพรวมเศรษฐกิจในประเทศจะเริ่มดีขึ้นตามการลงทุนภาครัฐ ประชาชนเริ่มมีความมั่นใจในการจับจ่ายซื้อสินค้าฟุ่มเฟือยเพิ่มขึ้น ดังนั้น จึงเป้ารายได้ปี 60 ไม่ต่ำกว่า 3,100 ล้านบาท หรือเติบโตไม่ต่ำกว่า 20% และจะรักษาอัตรากำไรสุทธิให้โตไม่น้อยกว่า 20% โดยมีที่จะรุกเข้าไปในกลุ่มประเทศ CLMV เพิ่มมากขึ้นด้วยการขยายสาขาที่เป็น Independent shop จำนวน 14 สาขา ในกัมพูชา 2 สาขา ลาว 1 สาขา พม่า 1 สาขา และเวียดนาม 10 สาขา จากปัจจุบัน 40 สาขา สำหรับรูปแบบ Shop in Shop ปัจจุบันมีตัวแทนจำหน่ายแล้วทั้งหมด 3 ประเทศ อินโดนีเซีย 19 สาขา ฮ่องกง 100 สาขา ไต้หวัน 19 สาขา
“สินค้าของเรานอกจากกลุ่มลูกค้าในไทยในประเทศพรมแดนติดกันแล้ว เรายังได้รับความนิยมจากชาวจีนที่เข้ามาท่องเที่ยวนิยมซื้อกลับไปทั้งการซื้อไปขายต่อ และซื้อไปฝาก การที่ประเทศไทยได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวต่างประเทศเดินทางมาท่องเที่ยว ส่งผลให้ความต้องการผลิตภัณฑ์ด้านความงามของเรามีเพิ่มขึ้นตาม” นายแพทย์สุวิน กล่าว
นายแพทย์สุวิน มั่นใจว่า สินค้าด้านความงามจากต่างประเทศ ที่เข้ามาสร้างฐานลูกค้าในไทย ไม่กระทบกลุ่มลูกค้าของ BEAUTY เนื่องจากมีฐานลูกค้าคนละกลุ่ม อีกทั้งยังต้องสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ใช้ ขณะที่ผลิตภัณฑ์ของ BEAUTY ได้รับการยอมรับมาในระดับหนึ่ง
“สินค้าจากทั้งเกาหลี และไต้หวันที่เข้ามาก็สามารถทำตลาดได้ในระดับหนึ่ง แต่เรามีจำนวนสาขาที่มากกว่า รวมถึงสินค้าเราสร้างความมั่นใจให้กับกลุ่มผู้ใช้ได้ จึงยังคงรักษาฐานลูกค้าได้อย่างต่อเนื่อง ส่วนสินค้าจากญี่ปุ่นก็เป็นตลาดบน ไม่ส่งผลกระทบกับฐานลูกค้าของเรา การดำเนินธุรกิจของ BEAUTY เน้นที่จะให้ลูกค้ามีส่วนร่วมในการขายมากขึ้น เพื่อช่วยสร้างยอดขาย และทำให้เกิด Brand Loyalty ไปพร้อมกัน ดังนั้น เราจึงเตรียมลงทุน 160 ล้านบาท ใช้ในการเปิดสาขาใหม่ 110 ล้านบาท อีก 50 ล้านบาท จะพัฒนาระบบซอฟต์แวร์ และฮาร์ดแวร์ต่างๆ รุกตลาดออนไลน์ เพิ่มประสิทธิภาพในการสร้างยอดขาย รองรับการเติบโตของบริษัทในอนาคต” นายแพทย์สุวิน กล่าว