บจ.จีที เวลธ์ แมเนจเมนท์ เผยบทวิเคราะห์ราคาทองคำมีแนวโน้มอ่อนค่าลง หลังนายโดนัลด์ ทรัมป์ แสดงท่าทีคลุมเครือต่อการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจ ส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐปรับตัวแข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง กดดันราคาทองคำอ่อนตัว อีกทั้งการที่อังกฤษลงประชามติแยกตัวจากสหภาพยุโรป (Brexit) อาจสร้างแรงกดดันการค้าเชิงนโยบายในอนาคต
ราคาทองคำตลาดโลกอ่อนแรงลง หลังไม่สามารถยืนเหนือระดับ 1,200 เหรียญสหรัฐต่อทรอยออนซ์ ได้เมื่อคืนนี้ (12 ม.ค.) เนื่องจากตลาดคลายความกังวลต่อการไม่ระบุถึงรายละเอียดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของทรัมป์ หลังจากที่ประธาน Fed หลายสาขาออกมากล่าวในเชิงสนับสนุน หรืออย่างน้อยก็เป็นกลางต่อการใช้นโยบายเชิงรุก
ขณะที่มีคำเตือนจากผู้เชี่ยวชาญของธนาคารโลกต่อยูโรโซนว่า การเติบโตทางเศรษฐกิจในปีนี้จะถูกขัดขวางโดยกระบวนการถอนตัวจากการเป็นสมาชิกสหภาพยุโรปของอังกฤษ (Brexit) ซึ่งอังกฤษเองจะได้รับผลกระทบทางลบด้วยค่อนข้างมาก จากการที่ไม่สามารถทำการค้ากับสหภาพยุโรป (EU) ได้สะดวกดังเดิม ทั้ง 2 ปัจจัยข้างต้น มีผลให้สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐกลับมาแข็งค่าขึ้นเล็กน้อยตามการอ่อนแรงลงของสกุลเงินยูโร เงินทุนจึงไหลออกจากสินทรัพย์ปลอดภัย ทั้งพันธบัตรสหรัฐฯ และทองคำ
อย่างไรก็ตาม เหตุผลโดยตรงสำหรับการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐยังคงมีอยู่ จากการที่ผลจากการใช้นโยบายของทรัมป์ จะย้อนศรกลับมาส่งผลทางลบต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในระยะกลางถึงยาว โดยเฉพาะในแง่การขาดดุลต่างๆ ทำให้ราคาทองคำยังรักษาแนวโน้มขาขึ้นได้ต่อไป แต่ต้องติดตามมากขึ้นว่า จะมีแรงซื้อมากพอจะช่วยดันราคากลับขึ้นไปเหนือ 1,200 เหรียญสหรัฐต่อทรอยออนซ์ ได้หรือไม่
ทั้งนี้ ราคาทองคำตลาดโลกช่วงเช้าเคลื่อนไหวระหว่าง 1,190-1,197 เหรียญสหรัฐต่อทรอยออนซ์ ส่วนกองทุนทองคำ SPDR ไม่มียอดซื้อหรือขายสุทธิ ทำให้ยอดการถือครองทองคำคงอยู่ที่ระดับ 805 ตัน
อย่างไรก็ดี บจ.จีที เวลธ์ ประเมินแนวต้าน Spot Gold ไว้ที่ 1,206-1,208 เหรียญสหรัฐต่อทรอยออนซ์ และแนวรับ Spot Gold ที่ 1,180-1,178 เหรียญสหรัฐต่อทรอยออนซ์