xs
xsm
sm
md
lg

ศาลปกครองรับฟ้องคดี ขสมก.ฉีกสัญญาเมล์เอ็นจีวี

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

กลุ่มกิจการร่วมค้า เจวีซีซี เผยศาลปกครองกลางมีคำสั่งรับคำฟ้องคดี ขสมก. ฉีกสัญญาจัดซื้อรถเมล์เอ็นจีวี 489 คัน แล้วเมื่อ 17 มีนาคม 2559 ระบุก่อให้เกิดความเสียหายกว่า 1,500 ล้านบาท

นายกริน ชยวิสุทธิ์ ตัวแทนจากกลุ่มกิจการร่วมค้า เจวีซีซี (JVCC) โดยบริษัท ช.ทวี ดอลลาเซียน จำกัด (มหาชน) เป็นตัวแทนฯ เปิดเผยว่า กลุ่ม JVCC ได้รับหมายจากศาลปกครองกลางว่ามีคำสั่งรับคำฟ้องเมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2559 กรณีที่กลุ่ม JVCC ยื่นฟ้องต่อศาลปกครอง ประเด็นการยกเลิกสัญญาจัดซื้อรถเมล์ NGV 489 คันแล้ว และศาลปกครองกลางได้ดำเนินการส่งสำเนาคำฟ้องไปยังผู้ถูกฟ้องคดีทั้ง 5 ราย ซึ่งประกอบไปด้วย 1.ขสมก. 2.คณะกรรมการบริหารกิจการของ ขสมก. 3.ผู้อำนวยการ ขสมก. 4.กวพอ. และ 5.กระทรวงการคลัง เพื่อให้ผู้ถูกฟ้องคดีแต่ละรายยื่นคำให้การซึ่งเป็นกระบวนการที่ต้องใช้เวลาสักระยะหนึ่ง โดยขณะนี้ศาลปกครองกลางยังไม่ได้มีกำหนดนัดใดๆ

อนึ่ง ตามที่กิจการร่วมค้า เจวีซีซี (ผู้ฟ้องคดี) ได้เข้าร่วมการประกวดราคาในโครงการจัดซื้อรถโดยสารปรับอากาศใช้เชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติ (NGV) จำนวน 489 คัน ตามประกาศองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ เลขที่ 11/2558 เรื่องการซื้อรถโดยสารปรับอากาศใช้เชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติ (NGV) จำนวน 489 คัน ด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ (ครั้งที่ 3) ลงวันที่ 23 มีนาคม 2558 ซึ่งในการประกวดราคาดังกล่าว ผู้ฟ้องคดีเป็นผู้มีคุณสมบัติครบถ้วนในการเป็นผู้เสนอราคาตาม และได้ดำเนินการตามกระบวนการขั้นตอนที่ประกาศดังกล่าวครบถ้วน จนผู้ฟ้องคดีได้เป็นผู้ชนะการประกวดราคา ได้มีการต่อรองราคาตามขบวนการ และตรวจร่างสัญญาซื้อฯ เพื่อเตรียมที่จะลงนามในสัญญากับ ขสมก. (ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1) ตลอดจนได้มีการวางแผนการดำเนินการต่างๆเกี่ยวกับการส่งมอบรถโดยสารให้เป็นไปตามสัญญาส่งมอบ 90 วัน เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

อย่างไรก็ตาม ปรากฏว่า ภายหลังจากที่มีผู้เข้าร่วมประกวดราคารายหนึ่งได้ยื่นคัดค้านการประกวดราคา และได้ยื่นอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการว่าด้วยการพัสดุด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือ กวพอ. (ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 4) เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2558 ขสมก. (ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1) กลับมีหนังสือถึงกิจการร่วมค้า เจวีซีซี (ผู้ฟ้องคดี) ขอยกเลิกการประกวดราคา และการลงนามในสัญญาซื้อขายรถโดยสารฯ โดยมีการกล่าวอ้างข้อสังเกตของ กวพอ. (ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 4) ที่มีต่อเอกสารการประกวดราคา (TOR) ซึ่งเป็นเอกสารที่ออกโดย ขสมก. (ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1) เองทั้งๆ ที่ กวพอ. (ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 4) ได้มีคำวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของผู้เข้าร่วมประกวดราคารายที่ได้ยื่นคัดค้านว่า การประกวดราคานั้นชอบด้วยกฎหมาย เพราะอุทธรณ์ของผู้เข้าร่วมการประกวดราคาดังกล่าวนั้นฟังไม่ขึ้น

ต่อมา เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2558 กิจการร่วมค้า เจวีซีซี (ผู้ฟ้องคดี) ได้ยื่นอุทธรณ์คัดค้านคำสั่งให้ยกเลิกการทำสัญญาของ ขสมก. (ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1) แต่ขสมก. (ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1) ยังคงยืนยันที่จะยกเลิกการทำสัญญากับกิจการร่วมค้าเจวีซีซี (ผู้ฟ้องคดี) ซึ่งกิจการร่วมค้า เจวีซีซี (ผู้ฟ้องคดี) เห็นว่า การยกเลิกการลงนามในสัญญาดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฏหมาย เนื่องจากกิจการร่วมค้า เจวีซีซี (ผู้ฟ้องคดี) เป็นผู้ที่ได้ดำเนินการตามระเบียบขั้นตอนของการประกวดอย่างถูกต้องทุกประการ อีกทั้งถ้าหากพิจารณาการกล่าวอ้างเหตุผลในการยกเลิกการประกวดราคาที่ ขสมก.(ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1) ตามข้อสังเกตของ กวพอ. (ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 4) ว่า ก่อให้เกิดความไม่ชัดเจน และทำให้การเสนอราคาของผู้เสนอราคาไม่อยู่บนมาตรฐานเดียวกันนั้น กิจการร่วมค้า เจวีซีซี (ผู้ฟ้องคดี) เห็นว่าเป็นข้อกล่าวอ้างที่ไม่ถูกต้อง

ทั้งนี้ เพราะข้อกำหนดดังกล่าวเป็นไปตามเจตนารมณ์ของรัฐบาลที่ต้องการจัดหารถโดยสารใช้ก๊าซธรรมชาติ NGV จำนวน 489 คัน เป็นการเร่งด่วน จึงเปิดโอกาสให้มีการจัดหารถโดยสารได้จากทั้งใน และต่างประเทศ โดยไม่ได้กระทบกระเทือนถึงมาตรฐานของรถโดยสาร ทั้งนี้ ดังจะได้เห็นจากเอกสารประกวดราคาข้อ 3.2 (7) ที่ได้กำหนดว่าหากนำเข้ารถโดยสารจากต่างประเทศ ต้องได้รับมาตรฐาน ISO แต่หากเป็นโรงงานในประเทศต้องได้รับใบรับรองมาตรฐาน ISO และได้รับอนุญาตจากกระทรวงอุตสาหกรรม ดังนั้น ไม่ว่าการประกอบรถโดยสารจะเกิดขึ้นในประเทศ หรือต่างประเทศ เอกสารประกวดราคาก็ได้กำหนดมาตรฐานในการตรวจสอบรองรับไว้แล้ว ยิ่งไปกว่านั้น การพิจารณาข้อเสนอเรื่องราคาดังกล่าวเป็นคนละส่วนกับการพิจารณาข้อเสนอด้านเทคนิคซึ่งปรากฏอยู่ในเอกสารประกวดราคา ข้อ 6.3 ดังนั้น เมื่อขั้นตอนการเสนอราคาและขั้นตอนการเสนอข้อเสนอทางเทคนิคอยู่คนละส่วนกัน การนำข้อพิจารณาเรื่องแหล่งการจัดหารถโดยสารว่า ประกอบจากโรงงานต่างประเทศหรือในประเทศซึ่งเป็นข้อเสนอทางเทคนิคมาพิจารณาปะปนกับขั้นตอนการเสนอราคาที่มีหลักพิจารณาเพียงแค่เป็นการเสนอราคาที่ต่ำที่สุด และตั้งข้อสังเกตว่า กรณีดังกล่าวทำให้การเสนอราคาของผู้เสนอราคาไม่อยู่บนมาตรฐานเดียวกันนั้น จึงเป็นการตั้งข้อสังเกตที่ปราศจากเหตุผลอันอาจรับฟังได้

นอกจากนี้ ที่มีการกล่าวอ้างว่าข้อกำหนดใน TOR ข้อ 10.4 เรื่องการรับรองความถูกต้องของเอกสารนั้นขัดต่อกฎกระทรวงฯ ข้อ 1 (4) ที่ออกตามความใน พ.ร.บ.วิธีปฏิบัติราชการทางปกครองฯ ที่กำหนดว่าการรับรองความถูกต้องของคำแปลเป็นภาษาไทยให้กระทำโดยสถานทูต หรือสถานกงสุลไทยในต่างประเทศ แต่ TOR กำหนดว่า การรับรองเอกสารสามารถทำได้โดยสถานทูตของประเทศนั้น ซึ่งตั้งอยู่ในประเทศไทยนั้น ผู้ฟ้องคดีเห็นว่า เหตุผลดังกล่าวขัด หรือแย้งต่อ พ.ร.บ.วิธีปฏิบัติราชการทางปกครองฯ อย่างชัดเจน ทั้งนี้ เพราะเมื่อพิจารณาบทบัญญัติในกฎกระทรวงฯ ดังกล่าวแล้ว จะพบว่าวิธีการรับรองเอกสารนั้นสามารถทำได้หลายวิธี ซึ่งนอกจากจะรับรองโดยสถานทูต หรือสถานกงสุลไทยในต่างประเทศตามข้อ 1 (4) ดังกล่าวแล้ว ยังสามารถรับรองโดยสถานทูตของประเทศนั้น ซึ่งตั้งอยู่ในประเทศไทยตามข้อ 1 (3) ของกฎกระทรวงดังกล่าวได้ด้วยเช่นกัน กิจการร่วมค้า เจวีซีซี (ผู้ฟ้องคดี) จึงเห็นว่าข้อสังเกตของ กวพอ. (ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 4) ที่ ขสมก. (ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1) นำมากล่าวอ้างนั้นเป็นการเจาะจงบิดเบือนข้อกฎหมาย เพื่อทำให้เห็นว่า TOR ขัดต่อกฎหมาย ทั้งๆ ที่ ข้อกำหนดใน TOR ดังกล่าวชอบด้วยกฎหมายแล้ว
 

ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อมีผู้คัดค้านและอุทธรณ์ว่า การประกวดราคาดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมายไปยัง กวพอ. (ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 4) กวพอ. (ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 4) เองก็ได้ตอบข้ออุทธรณ์ของผู้คัดค้านมายัง ขสมก. (ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1) ด้วยว่าอุทธรณ์ของผู้คัดค้านรายดังกล่าวฟังไม่ขึ้น อันเป็นการแสดงให้เห็นว่า การประกวดราคาในครั้งนี้เป็นไปโดยชอบด้วยกฎหมายแล้ว ขสมก. (ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1) จึงไม่มีเหตุ และไม่มีอำนาจตามกฎหมายในการยกเลิกการทำสัญญาแต่อย่างใด การยกเลิกการทำสัญญาจึงเป็นการดำเนินการที่ขัดต่อระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ.2549 ที่ระบุว่าหาก กวพอ. (ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 4) พิจารณาอุทธรณ์แล้วเห็นว่าอุทธรณ์ฟังไม่ขึ้นก็ให้ กวพอ. (ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 4) แจ้งให้ ขสมก. (ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1) ดำเนินการต่อไป ซึ่งหมายถึงการลงนามในสัญญากับกิจการร่วมค้า เจวีซีซี (ผู้ฟ้องคดี) ต่อไปเท่านั้น

ทั้งนี้ เนื่องจากกิจการร่วมค้า เจวีซีซี (ผู้ฟ้องคดี) ได้มีการดำเนินการเพื่อจัดเตรียมส่งมอบรถโดยสารให้แก่ ขสมก. (ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1) ให้ทันภายใน 90 วันตามสัญญาแล้ว หากมีการยกเลิกการประกวดราคาครั้งดังกล่าว กิจการร่วมค้า เจวีซีซี (ผู้ฟ้องคดี) จะมีค่าใช้จ่ายอื่นๆ อีก รวมเงินค่าเสียหายทั้งหมดประมาณกว่า 1,500 ล้านบาท


กำลังโหลดความคิดเห็น