xs
xsm
sm
md
lg

“อมตะ-เหมราช” โชว์กำไรไตรมาส 1 แรงหนุนขายที่ดิน-รายได้ค่าสาธารณูปโภค

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นาย เดวิด ริชาร์ด นาร์โดน
ส่องธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมไตรมาส 1 ปี 57 ท่ามกลางวิกฤตการเมืองที่ยืดเยื้อ นำร่อง “อมตะ-เหมราชฯ” กำไรสุทธิยังเติบโต และเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ปัจจัยหลักการขายที่ดินที่เพิ่มมากขึ้น รวมถึงแนวโน้มของรายได้ค่าสาธารณูปโภค ค่าย “โรจนะ-นวนคร” แจงเหตุกำไรลดลง

นายวัฒนา สุภรณ์ไพบูลย์ กรรมการบริษัท อมตะ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในไตรมาส 1 ปี 57 บริษัท และบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิ 432.79 ล้านบาท เปรียบเทียบกับ 130.67 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นจำนวน 302.12 ล้านบาท เกิดจากการรับรู้รายได้จากการโอนขายที่ดินที่เพิ่มมากขึ้น รวมถึงการเติบโตอย่างต่อเนื่องของรายได้ค่าสาธารณูปโภค

โดยรวมรายได้ในไตรมาส 1 ปี 57 อยู่ที่ 2,072.93 ล้านบาท เทียบกับ 1,174.44 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 77% ซึ่งปัจจัยหลักมาจากการรายได้การขายที่ดิน จำนวน 1,504 ล้านบาท เทียบกับ 709.38 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 112% บริษัทมีรายได้ค่าสาธารณูปโภค 324.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 27.88 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 9% และบริษัทมีรายได้จากการให้เช่าเท่ากับ 194.78 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 70.12 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 56%

นายเดวิด ริชาร์ด นาร์โดน กรรมการผู้จัดการ บริษัท เหมราชพัฒนาที่ดิน จำกัด (มหาชน) ระบุว่า บริษัทมีผลกำไรสุทธิ 1,042 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 140 ล้านบาท หรือ 16% ซึ่งหลักๆ มาจากการเติบโตของธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมที่มีการเพิ่มขึ้นมากของยอดโอนที่ดินนิคมอุตสาหกรรม รวมถึงการเพิ่มขึ้นของรายได้จากสาธารณูปโภค อสังหาริมทรัพย์ให้เช่า และธุรกิจพลังงาน

ทั้งนี้ บริษัทฯ มีรายได้จากการขายและบริการ 2,829 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 2,045 ล้านบาทในไตรมาสเดียวกันของปี 56 คิดเป็น 38% โดยมีปัจจัยมาจากการเพิ่มขึ้นของรายได้จากการขายที่ดินเป็นหลัก โดยมีรายได้เท่ากับ 2,076 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 734 ล้านบาท หรือ 55% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันปี 2556 บริษัทฯ มียอดขายที่ดินอุตสาหกรรม โดยมาจากลูกค้าใหม่จำนวน 5 ราย และจากการขยายกิจการของลูกค้ารายเดิม จำนวน 6 ราย รวมจำนวนลูกค้าจนถึงปัจจุบันทั้งสิ้น 620 รายจากสัญญาซื้อขายทั้งสิ้น 944 สัญญา

ขณะที่ รายได้จากการขายอาคารชุดเพิ่มเติม 5 ห้อง จากสิ้นปี 2556 โดยมีการโอนกรรมสิทธิ์ 3 ห้อง และรับรู้รายได้ในไตรมาสที่ 1 ปี 2557 ทั้งสิ้น 124 ล้านบาท ถึง ณ 31 มีนาคม ปี 2557 บริษัทฯ ได้ขายอาคารชุดเป็นจำนวนทั้งสิ้น 218 ห้อง และสามารถรับรู้รายได้จากโครงการ แล้วทั้งสิ้น 6,473 ล้านบาท

สำหรับสินทรัพย์รวมทั้งสิ้น 32,484 ล้านบาท บริษัทฯ มีสินทรัพย์รวม และสินทรัพย์หมุนเวียนรวมลดลง ส่วนสำคัญเกิดจากการนำเงินที่ได้รับบางส่วนจากการขายอาคารโรงงานให้เช่าและสัญญาเช่าระยะยาวให้แก่กองทุนรวมในปลายปีที่แล้วไปชำระหนี้เงินกู้ ทำให้มีเงินสดลดลงและมีเงินกู้ลดลง หนี้สินรวม 17,289 ล้านบาท หรือเท่ากับ 53% ของส่วนรวมหนี้สินและส่วนของผู้ถือหุ้น โดยหนี้สินหลักของบริษัทฯ ได้แก่ หุ้นกู้ และเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน เป็นจำนวนเงินรวม 13,215 ล้านบาท อัตราส่วนหนี้สินรวมสุทธิต่อส่วนของผู้ถือหุ้น เท่ากับ 0.96 เท่า เพิ่มขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับ 0.95 เท่า ณ ไตรมาสเดียวกันของปี 56 ทั้งนี้ หนี้สินที่ยังต่ำแสดงถึงโครงสร้างเงินทุนที่แข็งแกร่ง รวมถึงความสามารถในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนที่หลากหลายมากขึ้น เพื่อสนับสนุนการขยายธุรกิจในอนาคต
อุตฯการผลิตรถยนต์ในไทย
“โรจนะ-นวนคร” แจงเหตุกำไรลดลง

น.ส.ผ่องศรี สุนัยยศ ผู้มีอำนาจกระทำการแทน บริษัท สวนอุตสาหกรรมโรจนะ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในไตรมาส 1 ปี 57 บริษัทและบริษัทย่อย มีผลขาดทุนทุนสุทธิ (ส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นใหญ่) รวมจำนวน 78.52 ล้านบาท ลดลงจากเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมีกำไรสุทธิ จำนวน 350.47 ล้านบาท โดยมีรายการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญเมื่อเทียบกับปีก่อน โดยมีสาเหตุหลัก คือ รายได้จากการขายที่ดินในไตรมาสนี้ไม่มีลูกค้าที่ถึงกำหนดโอนกรรมสิทธิ์ ทำให้ไม่สามารถรับรู้รายได้ในส่วนนี้ได้ (เทียบกับงวดเดียวกันของปี 56 ที่มีรายได้ 184 ล้านบาท ) รายได้จากการขายเพิ่มขึ้น 1,157.97 ล้านบาท คิดเป็น 141.30% เป็นผลมาจากในไตรมาสที่ 2/2556 บริษัทโรจนะ เพาเวอร์ จำกัด ได้เดินเครื่องผลิตกระแสไฟฟ้าให้แก่ลูกค้าภายหลังการฟื้นฟูระบบที่ถูกน้ำท่วม และได้เปิดให้บริการในโครงการ SPP 2 ทำให้มีรายได้เพิ่มขึ้น

รายได้จากการบริการโรงแรม ลดลงจากปีก่อน รายได้เงินชดเชยจากบริษัทประกันภัย ไม่มีการรับรู้รายได้ เนื่องจากในปี 2556 บริษัทย่อยได้รับเงินประกันชดเชยรายได้จากธุรกิจหยุดชะงัก รวมทั้งเงินประกันความเสียหายจากทรัพย์สินครบตามจำนวนแล้ว และกำไรจากการขายเงินลงทุนในบริษัทย่อยไม่มีการรับรู้รายได้ ในส่วนของรวมค่าใช้จ่ายขยับขึ้นเป็น 1,974.43 ล้านบาท

นายเสกสิทธิ์ เจริญเศรษฐศิลป์ รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท นวนคร จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในงวด 3 เดือนสิ้นสุดวันที่ 31 มี.ค.57 มีกำไรสุทธิลดลง 52.74 ล้านบาท เนื่องมาจากกำไรขั้นต้นจากการขายที่ดินลดลง 9.11 ล้านบาท กำไรขั้นต้นจากการให้บริการลดลง 14.46 ล้านบาท เนื่องจากมีต้นทุนค่าเสื่อมราคาของสินทรัพย์เพิ่มขึ้น 9.98 ล้านบาท

เงินชดเชยจากการประกันภัยลดลง 40 ล้านบาท ในไตรมาส 1 ปี 56 บริษัทได้รับเงินชดเชยจากการประกันภัย 40 ล้านบาท จากเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ในเขตส่งเสริมอุตสาหกรรมนวนคร ปทุมธานี ช่วงกลางเดือนตุลาคม ถึงกลางเดือนธันวาคม 2554 รายได้เงินอุดหนุนจากรัฐบาล 5.04 ล้านบาท บริษัทได้รับเงินอุดหนุนจากโครงการระหว่างก่อสร้างระบบป้องกันอุทกภัยจากกระทรวงอุตสาหกรรม โดยบริษัทบันทึกเป็นเงินอุดหนุนรัฐบาลรอตัดบัญชี และตัดบัญชีเพื่อรับรู้เป็นรายได้ในไตรมาส 1/2554 เป็นเงิน 5.04 ล้านบาท

ค่าใช้จ่ายในการบริหารเพิ่มขึ้น 14.91 ล้านบาท เกิดจากค่าเสื่อมราคาของสินทรัพย์ระบบป้องกันอุทกภัย จำนวนเงิน 9.38 ล้านบาท และค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้ลดลง 21.59 ล้านบาท


กำลังโหลดความคิดเห็น