โดย ชาลอต โทณวณิก ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส ธนาคารกรุงศรีอยุธยา
งาน Money Expo 2005 ได้ปิดฉากลงแล้วอย่างสวยงาม เหตุที่บอกว่าสวยงาม ก็เพราะว่าจะมีครบทุกรสในงานนี้ และผู้ที่มาร่วมงาน ก็จะได้รับกันเต็มที่ ทั้งด้านวิชาการ ที่ทางตลาดหลักทรัพย์ได้ระดมผู้ทรงคุณวุฒิจัดการสัมมนา ในเรื่องการลงทุนและการออมเป็นหลัก ส่วนของผู้ที่เข้าร่วมออกงาน ก็จะมีผลิตภัณฑ์ต่างๆ มานำเสนอ ทั้งด้านเงินกู้ เงินออม การลงทุน ดังที่ทราบกันจากข่าวคราวแล้ว
สิ่งที่ดิฉันอยากจะเขียนถึง คือสิ่งที่เห็นจากงานในมุมมองของดิฉัน
ประการแรก คือความชัดเจนด้าน Retail Banking ของธนาคารพาณิชย์ไทย ซึ่งดิฉันเห็นว่า มีความชัดเจนขึ้นทุกๆ ปี โดยปีนี้ ถือว่าค่อนข้างจะเต็มรูปแบบ
เพราะทั้งในรูปแบบของการออกผลิตภัณฑ์ ที่มีหลากหลาย ที่รองรับความต้องการของผู้บริโภคได้ โดยเฉพาะสินเชื่อประเภทต่างๆ นอกจากนั้น ยังผนวกกลยุทธด้านการตลาด รวมถึงการคิดนอกกรอบการทำธุรกิจธนาคารแบบ traditional bank ได้
ดังเช่น ธนาคารไทยพาณิชย์ ก็เกาะติดกระแส Star War มาออกบัตร ATM collection พิเศษ และมีการนำลอร์ด ดาร์ธ เวเดอร์ มาจากอเมริกา มาเดินในงาน ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ก็เกาะกระแสความเป็น Official Bank for Miss Universe 2005 โดยนำ Miss Universe 2004 และผู้เข้าประกวดในปี 2005 มาร่วมงาน ซึ่งก็ตามคาด คือบูธแทบถล่ม
ของธนาคารอื่นๆ ก็มีการนำเกมส์ต่างๆ มาสร้างความสนุกสนาน ซึ่งหากดูรูปแบบ ก็คือการทำ event แบบ below the line ที่สินค้าอุปโภคบริโภคได้ทำกันมานาน แต่ก็ต้องดูกันต่อไป เพราะเหตุการณ์นี้ คือสิ่งที่เห็นในเวลา 4 วัน ซึ่งง่ายต่อการวางแผนและควบคุม แต่ในการนำไปสืบสานต่อนั้น คงต้องดูกันไปอีกซักพัก
ประการที่ 2 การเน้นกลุ่มเป้าหมาย เนื่องจากในงานนี้ จะมีผู้ให้บริการด้านการเงินทุกประเภท รวมถึง bank และ non-bank เมื่อสำรวจดูผลิตภัณฑ์และบริการแล้ว จะพบว่า มีการมุ่งเน้นที่ต่างกัน
คือธนาคารพาณิชย์ไทย จะค่อนข้างเน้นสินเชื่อเคหะ ทั้งนี้ คงเนื่องจากยังคงมุ่งเน้นด้านการบริหารความเสี่ยง โดยดูสินเชื่อประเภทมีหลักประกันเป็นหลัก รวมถึงยังไม่ค่อยแน่ใจว่าธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะควบคุมอะไรบ้าง
เลย play safe โดยการเน้นของ sure ดีกว่า ถึงแม้อัตราดอกเบี้ยจะต่ำ แต่ก็ความเสี่ยงต่ำ รวมถึงคุณภาพของลูกค้า ที่จะนำไปเป็นฐานในการสร้างรายได้ให้กับธนาคารในระยะยาวต่อไป โดยการนำเสนอผลิตภัณฑ์อื่น ปริมาณผู้ขอสินเชื่อเคหะ หากนับเป็นจำนวนเงิน จะอยู่ประมาณ 81% ของจำนวนสินเชื่อในงาน หรือประมาณ 65,000 ล้านบาท
ส่วนในด้านของผู้ประกอบการที่เป็น non-bank อย่างเช่น Capital OK หรือเซเทเล็ม จะเห็นคนไปออกันแน่นขนัด เพื่อขอสินเชื่อบุคคลกัน ปัจจัยอันหนึ่ง คือในใจของผู้บริโภค อาจจะเกิดการรับรู้แบบแบ่งแยก คือมีภาพชัดเจน ว่าสินเชื่อบุคคล น่าจะเป็น non-bank เพราะน่าจะอนุมัติได้เร็ว และง่ายกว่าธนาคารพาณิชย์ (ข้อนี้ จากการสังเกตของดิฉันเองนะคะ) แต่หากเป็นสินเชื่อประเภทอื่น ก็จะมุ่งไปที่ธนาคารพาณิชย์ก่อน
ในปีนี้ มีธนาคารใหม่มาซ้อมๆ ก่อนเปิดตัวจริง ก็จะเป็นกลุ่มของ GE Money ที่นำสินเชื่อเคหะ มานำเสนอด้วย และได้มีการรวมกลุ่มของบริษัทในเครือของ GE Money ที่ทำเช่าซื้อ ออกบัตรเครดิต เข้ามาผนวก ก็เป็นแนวโน้มว่า Money Expo ในปีหน้า จะมีน้องใหม่ตบเท้าเข้ามาร่วมแน่นอน ก็คงจะดุเด็ดเผ็ดมันขึ้น
ประการที่ 3 บัตรเครดิตตกอันดับ หากย้อนไปในช่วง 2-3 ปีที่แล้ว งาน Money Expo จะมีผู้สมัครขอบัตรเครดิตเป็นอันดับ 1 เลย (ในด้านจำนวนราย) เพราะเป็นช่วงที่เพิ่งเปิดกว้าง ทั้งด้านผู้ประกอบการ และกฎระเบียบต่างๆ
ดังนั้น บูธของผู้ให้บัตรเครดิต จะแน่นขนัด แต่เมื่อได้มีการออกกฎระเบียบออกมามากขึ้น ทำให้จำนวนผู้ที่มีสิทธิ์ที่จะมีบัตรเครดิต ได้ลดลง รวมถึงในช่วงที่ผ่านมา ก็มีการยื่นทำบัตรเครดิตกันมากแล้ว ปีนี้ ผู้มาขอบัตรเครดิต จึงน้อยลงมาก โดยมีสัดส่วนแค่ 2% ของยอดสินเชื่อทั้งหมด หรือประมาณ 1,600 ล้านบาท ดังนั้น หากมีการควบคุมสินเชื่อบุคคล ก็คาดว่าจะมีผลเช่นเดียวกัน
ในส่วนตัวแล้ว ดิฉันดีใจ ที่ผู้จัดจัดงานนี้ขึ้นมา เพราะอย่างน้อย ก็ได้เห็นแนวโน้มของการทำธุรกิจด้านการเงิน ทั้งในด้านคู่แข่ง และด้านผู้บริโภค ทำให้สามารถวางแผน และนโยบาย ในการดำเนินงานด้าน Retail Banking ได้เป็นรูปธรรมมากขึ้น ส่วนด้านเงินฝาก และด้านการลงทุน คงจะหาโอกาสมานำเสนอ หากมีโอกาส
สนใจสอบถามข้อมูลสามารถส่งมาได้ที่ dcharlotte@krungsri.com หรือ หมายเลขโทรสาร 02-683-1604
งาน Money Expo 2005 ได้ปิดฉากลงแล้วอย่างสวยงาม เหตุที่บอกว่าสวยงาม ก็เพราะว่าจะมีครบทุกรสในงานนี้ และผู้ที่มาร่วมงาน ก็จะได้รับกันเต็มที่ ทั้งด้านวิชาการ ที่ทางตลาดหลักทรัพย์ได้ระดมผู้ทรงคุณวุฒิจัดการสัมมนา ในเรื่องการลงทุนและการออมเป็นหลัก ส่วนของผู้ที่เข้าร่วมออกงาน ก็จะมีผลิตภัณฑ์ต่างๆ มานำเสนอ ทั้งด้านเงินกู้ เงินออม การลงทุน ดังที่ทราบกันจากข่าวคราวแล้ว
สิ่งที่ดิฉันอยากจะเขียนถึง คือสิ่งที่เห็นจากงานในมุมมองของดิฉัน
ประการแรก คือความชัดเจนด้าน Retail Banking ของธนาคารพาณิชย์ไทย ซึ่งดิฉันเห็นว่า มีความชัดเจนขึ้นทุกๆ ปี โดยปีนี้ ถือว่าค่อนข้างจะเต็มรูปแบบ
เพราะทั้งในรูปแบบของการออกผลิตภัณฑ์ ที่มีหลากหลาย ที่รองรับความต้องการของผู้บริโภคได้ โดยเฉพาะสินเชื่อประเภทต่างๆ นอกจากนั้น ยังผนวกกลยุทธด้านการตลาด รวมถึงการคิดนอกกรอบการทำธุรกิจธนาคารแบบ traditional bank ได้
ดังเช่น ธนาคารไทยพาณิชย์ ก็เกาะติดกระแส Star War มาออกบัตร ATM collection พิเศษ และมีการนำลอร์ด ดาร์ธ เวเดอร์ มาจากอเมริกา มาเดินในงาน ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ก็เกาะกระแสความเป็น Official Bank for Miss Universe 2005 โดยนำ Miss Universe 2004 และผู้เข้าประกวดในปี 2005 มาร่วมงาน ซึ่งก็ตามคาด คือบูธแทบถล่ม
ของธนาคารอื่นๆ ก็มีการนำเกมส์ต่างๆ มาสร้างความสนุกสนาน ซึ่งหากดูรูปแบบ ก็คือการทำ event แบบ below the line ที่สินค้าอุปโภคบริโภคได้ทำกันมานาน แต่ก็ต้องดูกันต่อไป เพราะเหตุการณ์นี้ คือสิ่งที่เห็นในเวลา 4 วัน ซึ่งง่ายต่อการวางแผนและควบคุม แต่ในการนำไปสืบสานต่อนั้น คงต้องดูกันไปอีกซักพัก
ประการที่ 2 การเน้นกลุ่มเป้าหมาย เนื่องจากในงานนี้ จะมีผู้ให้บริการด้านการเงินทุกประเภท รวมถึง bank และ non-bank เมื่อสำรวจดูผลิตภัณฑ์และบริการแล้ว จะพบว่า มีการมุ่งเน้นที่ต่างกัน
คือธนาคารพาณิชย์ไทย จะค่อนข้างเน้นสินเชื่อเคหะ ทั้งนี้ คงเนื่องจากยังคงมุ่งเน้นด้านการบริหารความเสี่ยง โดยดูสินเชื่อประเภทมีหลักประกันเป็นหลัก รวมถึงยังไม่ค่อยแน่ใจว่าธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะควบคุมอะไรบ้าง
เลย play safe โดยการเน้นของ sure ดีกว่า ถึงแม้อัตราดอกเบี้ยจะต่ำ แต่ก็ความเสี่ยงต่ำ รวมถึงคุณภาพของลูกค้า ที่จะนำไปเป็นฐานในการสร้างรายได้ให้กับธนาคารในระยะยาวต่อไป โดยการนำเสนอผลิตภัณฑ์อื่น ปริมาณผู้ขอสินเชื่อเคหะ หากนับเป็นจำนวนเงิน จะอยู่ประมาณ 81% ของจำนวนสินเชื่อในงาน หรือประมาณ 65,000 ล้านบาท
ส่วนในด้านของผู้ประกอบการที่เป็น non-bank อย่างเช่น Capital OK หรือเซเทเล็ม จะเห็นคนไปออกันแน่นขนัด เพื่อขอสินเชื่อบุคคลกัน ปัจจัยอันหนึ่ง คือในใจของผู้บริโภค อาจจะเกิดการรับรู้แบบแบ่งแยก คือมีภาพชัดเจน ว่าสินเชื่อบุคคล น่าจะเป็น non-bank เพราะน่าจะอนุมัติได้เร็ว และง่ายกว่าธนาคารพาณิชย์ (ข้อนี้ จากการสังเกตของดิฉันเองนะคะ) แต่หากเป็นสินเชื่อประเภทอื่น ก็จะมุ่งไปที่ธนาคารพาณิชย์ก่อน
ในปีนี้ มีธนาคารใหม่มาซ้อมๆ ก่อนเปิดตัวจริง ก็จะเป็นกลุ่มของ GE Money ที่นำสินเชื่อเคหะ มานำเสนอด้วย และได้มีการรวมกลุ่มของบริษัทในเครือของ GE Money ที่ทำเช่าซื้อ ออกบัตรเครดิต เข้ามาผนวก ก็เป็นแนวโน้มว่า Money Expo ในปีหน้า จะมีน้องใหม่ตบเท้าเข้ามาร่วมแน่นอน ก็คงจะดุเด็ดเผ็ดมันขึ้น
ประการที่ 3 บัตรเครดิตตกอันดับ หากย้อนไปในช่วง 2-3 ปีที่แล้ว งาน Money Expo จะมีผู้สมัครขอบัตรเครดิตเป็นอันดับ 1 เลย (ในด้านจำนวนราย) เพราะเป็นช่วงที่เพิ่งเปิดกว้าง ทั้งด้านผู้ประกอบการ และกฎระเบียบต่างๆ
ดังนั้น บูธของผู้ให้บัตรเครดิต จะแน่นขนัด แต่เมื่อได้มีการออกกฎระเบียบออกมามากขึ้น ทำให้จำนวนผู้ที่มีสิทธิ์ที่จะมีบัตรเครดิต ได้ลดลง รวมถึงในช่วงที่ผ่านมา ก็มีการยื่นทำบัตรเครดิตกันมากแล้ว ปีนี้ ผู้มาขอบัตรเครดิต จึงน้อยลงมาก โดยมีสัดส่วนแค่ 2% ของยอดสินเชื่อทั้งหมด หรือประมาณ 1,600 ล้านบาท ดังนั้น หากมีการควบคุมสินเชื่อบุคคล ก็คาดว่าจะมีผลเช่นเดียวกัน
ในส่วนตัวแล้ว ดิฉันดีใจ ที่ผู้จัดจัดงานนี้ขึ้นมา เพราะอย่างน้อย ก็ได้เห็นแนวโน้มของการทำธุรกิจด้านการเงิน ทั้งในด้านคู่แข่ง และด้านผู้บริโภค ทำให้สามารถวางแผน และนโยบาย ในการดำเนินงานด้าน Retail Banking ได้เป็นรูปธรรมมากขึ้น ส่วนด้านเงินฝาก และด้านการลงทุน คงจะหาโอกาสมานำเสนอ หากมีโอกาส
สนใจสอบถามข้อมูลสามารถส่งมาได้ที่ dcharlotte@krungsri.com หรือ หมายเลขโทรสาร 02-683-1604