xs
xsm
sm
md
lg

Implementing Investment Strategy

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

โดย บริษัทหลักทรัพย์บัวหลวง

การกำหนดกลยุทธ์การลงทุนให้ประสบความสำเร็จ (Implementing Investment Strategy) จะต้องประกอบไปด้วยอะไรบ้าง ขั้นตอนแรกที่สำคัญที่สุด คือต้องมีกระบวนการลงทุนที่ดี หรือ Investment Process ซึ่งจะประกอบไปด้วย 2 ขั้นตอน คือ

1.กระบวนการเก็บรวบรวมข้อมูล ประมวลผล และการวิเคราะห์ข้อมูล (Gather, Process, and
Analyze Information) ขั้นตอนนี้ จะเป็นการตัดสินใจที่จะกำหนดประเภทตราสารที่จะลงทุน รวมถึงมูลค่าของตราสารแต่ละหลักทรัพย์ที่จะลงทุน

ขั้นตอนนี้ เป็นขั้นตอนที่กินระยะเวลายาวนาน รวมถึงเป็นขั้นตอนที่ใช้เงินลงทุนมากที่สุด เนื่องจากจะต้องมีการศึกษาข้อมูลที่ได้มาเป็นอย่างดี ก่อนที่จะทำการตัดสินใจที่จะลงทุน

2.พัฒนากระบวนการในการซื้อขาย (Develop and Implement a Trading Strategy) ขั้นตอนนี้
จะเป็นการตัดสินใจ ว่าในแต่ละสถานการณ์ที่เกิดขึ้น จะเลือกที่จะซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดดี

โปรแกรมการซื้อขายที่มีประสิทธิภาพ An Effective Trading Program
สำหรับโปรแกรมการซื้อขายที่พิจารณาว่ามีประสิทธิภาพนั้น จะต้องเป็นการเพิ่มมูลค่าของเงินลงทุน ในขณะเดียวกัน ต้องมีค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นน้อยที่สุดด้วย ในส่วนนี้ เราจะให้ความสำคัญการจัดการต้นทุนซื้อขายเป็นสำคัญ โดยปัจจัยที่ใช้ในการพิจารณา ดังต่อไปนี้

-มูลค่าที่ซื้อขายของหลักทรัพย์ที่ลงทุน เทียบกับมูลค่ารวม เป็นสัดส่วนมากน้อยเพียงใด ถ้าเป็น
สัดส่วนที่มาก หมายความว่า Liquidity Cost จะสูงมากตามไปด้วย ยกตัวอย่างเช่น หลักทรัพย์ A ซื้อขายต่อวันที่ 1,000 หุ้นต่อวัน ในกรณีที่เราทำการซื้อหลักทรัพย์ A ในปริมาณที่ใกล้เคียง หรือมากกว่า ปริมาณการซื้อขายต่อวัน การที่เราจะทำการขายหลักทรัพย์ A ออกไปในราคาที่เราต้องการนั้น อาจจะทำได้ยาก เนื่องจากสภาพคล่องในการซื้อขายไม่เพียงพอ

-ปริมาณการซื้อขายของหลักทรัพย์ต่อวัน ว่ามีมากน้อยเพียงใด ยิ่งปริมาณการซื้อขายน้อย
Liquidity Cost ยิ่งสูง โดยเฉพาะในหลักทรัพย์ที่มี Bid-Ask Spread ห่างกันมาก จะแสดงให้เห็นว่ามีสภาพคล่องที่ต่ำ

-Momentum Trading รูปแบบการซื้อขายตามตลาดฯ รูปแบบการซื้อขายแบบนี้ ต้องการการ
ลงทุนในหลักทรัพย์ที่มีสภาพคล่องสูงมากจริงๆ ในการทำกำไร

การตัดสินใจเลือกกลยุทธ์การซื้อขายที่เหมาะสม Determine the Optimal Trading Strategy โดยส่วนใหญ่แล้ว รูปแบบการซื้อขายที่พบเห็นได้ในตลาดฯ จะมี 2 ประเภทใหญ่ คือ

ประเภทแรก ซื้อขายทันทีที่ได้รับข้อมูลข่าวสารในขณะนั้น ประเภทนี้ ต้องอาศัย Broker ที่มีประสิทธิภาพในการให้ข้อมูลที่มีประสิทธิภาพ และหลักทรัพย์ที่จะทำการซื้อขาย ต้องมีสภาพคล่องมาก เนื่องจากจะต้องทำการซื้อขายบ่อย รูปแบบการซื้อขายแบบนี้ จะมี Liquidity Cost สูงมาก ดังได้กล่าวไปแล้ว

ประเภทที่ 2 ซื้อขายโดยพิจารณาจากปัจจัยในระยะยาว รูปแบบการซื้อขายแบบนี้ จะช่วยลด Trading Cost ได้มาก เนื่องจากจะไม่ทำการซื้อขายบ่อย เน้นการลงทุนที่มีอัตราผลตอบแทนค่อนข้างสูงกว่าประเภทแรก ในครั้งหน้า เราจะมาพูดถึงอีก 2 ขั้นตอน สำหรับ Effective Trading Program
กำลังโหลดความคิดเห็น