คอลัมน์ “ริงไซด์ ไฟต์คลับ” โดย “ลักษมณ์ นันทิวัชรินทร์”
เป็นไปตามคาด สำหรับผลการพิจารณาของคณะกรรมการบริหาร หรือ Executive Board ประจำคณะกรรมการโอลิมปิคสากล (ไอโอซี) ที่ประกาศออกมาเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคมที่ผ่านมานี้ ตัดสิทธิ์ “ไอบ้า” ไม่รับรองสถานะให้จัดกีฬามวยในกีฬาโอลิมปิคฤดูร้อน “โตเกียว 2020” ในกลางปีหน้า โดยคำประกาศมีใจความสรุปว่ากีฬามวยยังจะมีอยู่ในมหกรรมกีฬาของมวลมนุษยชาตินี้แน่นอน เพราะไม่ต้องการดับความฝันของนักมวยทั่วโลกที่ใฝ่ฝันจะได้เข้าร่วมในกีฬาโอลิมปิคสักครั้ง แต่ไม่รับรองไอบ้าให้จัดการแข่งขันในโอลิมปิค “โตเกียว 2020” นี้ เพราะไอบ้าไม่สามารถสร้างความมั่นใจให้คณะกรรมการโอลิมปิคสากลได้ว่าได้มีการ “ปฏิรูป” การบริหารจัดการองค์กร และยกระดับการตัดสินให้โปร่งใสได้
แถมยังประกาศด้วยว่าไม่รับรองผลการแข่งขันรอบคัดเลือกใดๆ ที่ไอบ้าจัดขึ้น (จริงๆ ไอบ้ายังไม่ได้เริ่มจัด เพราะรอความชัดเจนตรงนี้อยู่ แต่ประกาศนี้ก็ตอกย้ำไปเลยว่าไม่รับรองอะไรทั้งสิ้น) และแต่งตั้งนายโมรินาริ วาตานาเบ้ ประธานสหพันธ์กีฬายิมนาสติกสากล ให้เป็นประธานคณะทำงานพิเศษที่จะดำเนินการจัดการแข่งขันมวยสากลสมัครเล่นในโอลิมปิค 2020 ปีหน้านี้ ตั้งแต่รอบคัดเลือกไปเลย อย่างไรก็ตาม มติของกรรมการบริหารนี้ ยังต้องไปผ่านที่ประชุมของคณะกรรมการโอลิมปิคสากล ที่จะจัดขึ้นในช่วงปลายเดือนมิถุนายนนี้อีกที ถึงจะถือว่าเป็นที่สิ้นสุด
พอเป็นแบบนี้ ทาง “ไอบ้า” ก็หน้าม้าน เพราะก่อนหน้าที่จะมีคำตัดสินวันเดียว ทางไอบ้าเพิ่งออกแถลงการณ์ปลอบขวัญตัวเองแสดงความมั่นใจว่าได้ทำทุกอย่างเพื่อให้องค์กรดีขึ้น โปร่งใสขึ้นแล้ว เชื่อว่าไอโอซีจะยอมรับให้ไอบ้าจัดมวยในโอลิมปิคต่อแน่นอน แล้วก็เลยประกาศว่ารับทราบและจะยังไม่ให้ความเห็นอะไร แต่จะขอดูรายละเอียดรายงานการพิจารณาของไอโอซีให้ถี่ถ้วนก่อน
ก็ต้องรอดูกันต่อไปว่าทาง “ไอบ้า” จะมีมาตรการอะไรออกมาอีกบ้าง โดยทั่วไปองค์กรกีฬาโลกเหล่านี้ก็มักจะออกมาอาละวาดฟาดงวงฟาดงา เพื่อรักษาหน้ากลายๆ อาจจะออกมาประกาศขู่ชาติสมาชิกที่จะเข้าร่วมโอลิมปิคที่ “ไอบ้า” ไม่ได้จัด ว่าถ้าใครเข้าร่วม ไอบ้าจะไม่รับรองสถานภาพ และจะแบนจากกิจกรรมต่างๆ ของไอบ้า เพราะอย่างไรไอบ้าก็ยังมีอำนาจในการกำกับควบคุมมวยสากลสมัครเล่นในมหกรรมกีฬาอื่นอยู่ดี หรือดีไม่ดีไอบ้าอาจจัดรายการมวยขนาดยักษ์ขึ้นมา “ชน” กับโอลิมปิคก็ได้ แล้วถ้าถึงวันที่ไอบ้ากลับมาดีกับไอโอซีได้เมื่อไหร่ ชาติที่เข้าร่วมโอลิมปิค 2020 นี้ต้องโดน “คิดบัญชี” แน่นอน ซึ่งถึงตอนนั้น ทางไอโอซีก็แน่นอนอยู่แล้วว่าต้องไม่รู้ไม่เห็น บอกว่าเป็นเรื่องของชาติสมาชิกที่ต้อง “เคลียร์” กับไอบ้าเอาเอง ลอยตัวแน่นอน
งานนี้ผู้บริหารสมาคมมวยสากลสมัครเล่นของไทยเราต้องดูเกมดีๆ ประสานงานกับคณะกรรมการโอลิมปิคสากลของไทยแบบใกล้ชิด เพื่อเดินเกมให้ถูกต้อง อาจจะใช้การตั้งคณะกรรมการมาอีกชุดหนึ่งภายใต้คณะกรรมการโอลิมปิคสากล เพื่อส่งทีมมวยเข้าร่วมโอลิมปิคครั้งนี้ไปก่อน โดยสมาคมมวยสากลสมัครเล่นแค่สนับสนุนตัวนักมวยและบุคลากรอยู่วงนอก เผื่อวันที่ “ไอบ้า” กลับมาเรืองอำนาจ เราจะได้ไม่เสียสายสัมพันธ์กับทางนี้ เกมการเมืองเรื่องกีฬาแบบนี้เชื่อฝีมือผู้บริหารสมาคมกีฬาของเราอยู่แล้ว คอยดูกันต่อไปว่าจะออกมาอย่างไรให้เป็นผลดีกับวงการมวยสากลสมัครเล่นบ้านเราที่สุดครับ