ศิริศักดิ์ ยอดญาติไทย หัวหน้าผู้ฝึกสอนขัดตาทัพ ไทย เผยความรู้สึกเหลือเชื่อ ลูกทีมจารึกประวัติศาสตร์รอบ 47 ปี หลังเสมอ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เจ้าภาพ 1-1 ศึก เอเชียน คัพ 2019 คืนวันจันทร์ที่ 14 มกราคม แอบหวังสร้างเซอร์ไพรส์ รอบ 16 ทีมสุดท้าย
พลพรรค "ช้างศึก" พลาดท่าเสียประตูแรกแค่ 7 นาที จังหวะ อาลี มับคูต โหม่งซ้ำระยะเผาขน อย่างไรก็ตาม ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ อาศัยความขยัน ทวงคืนนาที 42 แบ่ง 1 คะแนนอันล้ำค่า
กอปรกับผลการแข่งขันสายเดียวกันเป็นใจ บาห์เรน ซัดประตูชัยจากจุดโทษนาที 90+1 ของ จามาล ราเชด เอาชนะ อินเดีย 1-0 เก็บเพิ่มเป็น 4 แต้ม ทว่าผลงาน เฮด-ทู-เฮด ด้อยกว่า ทำให้ ไทย ขยับขึ้นอันดับ 2 ของกลุ่ม ตีตั๋วสู่รอบน็อกเอาท์ครั้งแรก นับตั้งแต่จบอันดับ 3 รายการนี้ เมื่อปี 1972
ตามการประกบคู่รอบน็อกเอาท์ ไทย ต้องเจอบททดสอบหฤโหด เผชิญหน้ากับทีมอันดับ 2 ของกลุ่ม C ซึ่งเป็นไปได้ทั้ง จีน หรือ เกาหลีใต้ วันที่ 20 มกราคม ที่สนาม ฮัซซา บิน ซาเยด
อดีตเฮดโค้ช ไทย ฮอนด้า เอฟซี กล่าว "ก่อนเกมวันนี้ รู้สึกกังวลว่าเราจะทำได้ดีแค่ไหน แต่เราก็เตรียมตัวมาดี จริงๆ แล้วผลอีกสนาม เราก็ต้องลุ้นเหมือนกัน ผมบอกทุกคนว่า ต้องมีสมาธิ เราต้องบรรลุเป้าหมายเสียก่อน ขอชมนักเตะทุกคนที่เล่นด้วยความทุ่มเท"
"พอจบเกมก็รู้สึกดีใจ เพราะมันไม่น่าเป็นไปได้ เนื่องจากตอนแรกๆ อาการกระท่อนกระแท่น ความจริงนักเตะทุกคนต้องการสร้างประวัติศาสตร์เพื่อทีมชาติ ยิ่งเล่นก็ยิ่งเห็นความมุ่งมั่นของนักเตะ ไม่น่าเชื่อว่าสิ่งนี้จะเกิดขึ้นเพราะผมกับ โค้ชโชค (โชคทวี พรหมรัตน์)"
"มาถึงรอบน็อกเอาท์ เราไม่สามารถเลือกคู่แข่งได้อีกแล้ว ไม่ว่าจะเจอใคร เราจะสู้เต็มที่เหมือนเดิม ขึ้นอยู่กับว่าจะเป็นงานหนักหรือเบาเท่านั้น ผม , สตาฟฟ์โค้ช และลูกทีมต้องทำงานหนักขึ้น เพื่อรับมือ จีน หรือ เกาหลีใต้"
"มาถึงจุดนี้ถือว่าเป็นกำไรแล้ว แต่เราต้องทำงานหนักต่อไป เพราะอะไรก็เกิดขึ้นได้เสมอในเกมฟุตบอล ทีมที่ครองบอลมากกว่า พอจบเกมอาจเป็นฝ่ายแพ้ก็ได้ ผมคิดว่าเราต้องสู้กันด้วยแท็กติกมากกว่า" กุนซือ วัย 49 ปี ทิ้งท้าย