คอลัมน์ “สกอร์บอร์ด” โดย “แมวดำ”
จากอาการบาดเจ็บที่เท้าของ กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์ นายทวารทีม OHL แห่งลีกรองเบลเยียม ตั้งแต่เมื่อเดือนตุลาคม 2561 ส่งผลร้ายกับเจ้าตัวใหญ่หลวงนัก เนื่องจากต้องเสียมือ 1 ในสโมสรให้กับ นิก กิลเลนเคนส์ เจ้าของตำแหน่งเดิมผู้เป็นขวัญใจแฟนบอลท้องถิ่น และแม้ว่าอาการบาดเจ็บจะหายไปแล้ว แต่มันก็ยังคงรบกวน เพราะอาการดังกล่าวมาจากปลายประสาทระหว่างนิ้วเท้า ทำให้แค่สวมใส่สตั๊ด หรือแม้แต่ออกวิ่งก็มีความเสียวซ่านให้ได้รู้สึก
เมื่อถูกเรียกตัวกลับสู่ทีมชาติไทย กวินทร์ เองก็ไม่ได้อิดออด ยอมกลับมาแต่โดยดี ซึ่งแฟนบอลและเจ้าตัวก็ได้แต่ภาวนาว่าอาการบาดเจ็บจะหายดีพอทำหน้าที่ในฟุตบอลเอเชียนคัพ 2019 ที่ยูเออี ได้ แต่สุดท้ายปาฏิหารย์ไม่มีจริง กวินทร์ ประกาศถอนตัว ทำให้ มิโลวาน ราเยวัช ต้องกลับมาทบทวนตำแหน่งมือ 1 ทัพ "ช้างศึก" กันอีกครั้ง เมื่อมี 3 ตัวเลือก ฉัตรชัย บุตรพรม, ศิวรักษ์ เทศสูงเนิน และ สรานนท์ อนุอินทร์ แต่หากให้พูดความจริงกันคงมีแค่ 2 คนที่ให้กุนซือเซอร์เบียเลือกคือ 2 คนแรกเท่านั้น
โดยนำผลงานของทั้งคู่มาเทียบกัน ในรายของ "บอย" ฉัตรชัย วัย 31 ปี ลงเฝ้าเสาในฟุตบอลไทยลีก 2018 ไป 32 นัด เสีย 33 ประตู สามารถเก็บคลีนชีท 13 นัด มี 3 แชมป์บอลถ้วย ประกอบด้วย 2 แชมป์เอฟเอ คัพ และ 1 แชมป์ลีกคัพ
ส่วน "แชมป์" ศิวรักษ์ เทศสูงเนิน วัย 34 ปี ลงสนามไทยลีก 2018 ครบทั้ง 34 นัด เก็บคลีนชีท 14 นัด และเสียไปเพียงแค่ 25 ประตู โดยผลงานคว้า 5 แชมป์ไทยลีก, 2 แชมป์เอฟเอฟ คัพ และ 3 แชมป์ลีกคัพ กับ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด
แต่ผลงานกับสโมสรอาจยังยากที่จะตัดสินใจ จึงต้องมาดูผลงานกับทีมชาติ ซึ่งจริงๆ ทั้งคู่นั้นอยู่ใต้ร่วมเง่าของ กวินทร์ ที่ก่อนหน้านี้เบียดับ สินทวีชัย หทัยรัตนกุล ที่ปัจจุบัน ประกาศรีไทร์จากทีมชาติไปแล้ว ทำให้ต่างก็มีโอกาสลงสนามเป็น 11 ตัวจริงน้อยพอกัน โดยผลงานล่าสุด ศิวรักษ์ ลงช่วยชาติในเอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2018 ได้ 2 นัด นัดพบ ติมอร์เลสเต้ ชนะ 0-7 ไม่เสียประตู แต่นัดชนะ อินโดนีเซีย 4-2 นั้นเสียไปถึง 2 ประตู
จึงกลายเป็นว่านัดถัดมาของรายการชิงแชมป์อาเซียนเป็น ฉัตรชัย ที่ลงทำหน้าที่แทน เริ่มจากเสมอ ฟิลิปปินส์ 1-1 ที่บ้านเขา ก่อนจะชนะ สิงคโปร์ 3-0 ที่ราชมังคลากีฬาสถาน แล้วก็ยังบุกเสมอ มาเลเซีย 0-0 ที่ บูกิตจาลิล ก่อนจะมาตกม้าตายในนัดที่ 2 ของรอบรองชนเลิศที่เสมอ มาเลเซีย 2-2 ที่บ้านเรา ตกรอบแบบน่าเจ็บปวด
หากมองลึกลงไปในผลงานของทั้งคู่ที่ผ่านมา ต้องไปดูที่จุดเด่นของแต่ละคน โดย ฉัตรชัย ถือว่ามีการป้องกันลูกครอส รวมถึงเตะมุม และจังหวะเซฟลูกยาก รวมทั้งจุดโทษได้ดีมาก เห็นได้จากการพา สิงห์ เชียงราย คว้าแชมป์บอลถ้วยถึง 3 รายการจาก 2 ฤดูกาลล่าสุด ส่วน ศิวรักษ์ ซึ่งมีผลงานดีในลีก โดดเด่นมากเรื่องการยืนตำแหน่ง และปฏิกิริยาไวแม้วัยจะ 34 ปีแล้ว ทว่าหลายครั้งก็มักพลาดให้เห็นเหมือนกัน
แม้ว่าเมื่อดูจากผลงาน รวมถึงฟอร์มระยะหลัง ฉัตรชัย จะดูเหลื่อมกว่านิดๆ แต่หากนำเรื่องการให้สัมภาษณ์ก่อนเกมนัดเปิดบ้านเสมอ "เสือเหลือง" ที่นายทวารลูกหม้อ โอสถสภา บอกให้คู่แข่ง "ฝันดี" ก่อนจะตกรอบคาบ้านมาพิจารณาเป็นคะแนนจิตพิสัยด้วย งานนี้เชื่อว่าแฟนบอลหลายคนคงมีตัวเลือกอยู่ในใจแล้วเหมือนกัน เสียดายนิดเดียวที่สุดแล้วคนเลือกก็ไม่ใช่เรานี่แหละ (ฮา)