คอลัมน์ “สกอร์บอร์ด” โดย “แมวดำ”
เรื่องราวการเสนอปรับปรุงพระราชบัญญัติกีฬามวย พ.ศ.2542 มีการตั้งคณะทำงานกันมาร่วมปีแล้ว โดยสภานิติบัญญัติแห่งชาติ หรือ สนช. ที่มีการเสนอแนวความคิดให้มีการแก้ไขปรับปรุงร่างกฎหมายให้สมบูรณ์มากยิ่งขึ้นให้สอดคล้องกับหลักการสากลและสถานการณ์ในปัจจุบัน ซึ่งหลายๆ เรื่องก็น่าสนใจ เป็นการกระชับข้อความ และนิยามหลายอย่างให้ชัดเจน อาทิ อำนาจหน้าที่คณะกรรมการกีฬามวย การขึ้นทะเบียน การกำหนดเงินรางวัล และค่าตอบแทน เพื่อไม่ให้นักมวยถูกเอารัดเอาเปรียบ
แต่ที่กลายเป็นประเด็นจนกลายเป็นข้อถกเถียงคือการกำหนดอายุนักกีฬามวย มีเนื้อหาในมาตรา 38 ของการฉบับร่าง ระบุว่าการแข่งขันกีฬามวยอาชีพ ผู้จัดการแข่งขัน และนายสนามมวยอนุญาตให้เด็กที่มีอายุ 12-14 ปี ร่วมการแข่งขันได้เฉพาะเพื่อเป็นการส่งเสริมประสบการณ์ในกิจกรรมด้านกีฬาเท่านั้น ด้วยเหตุผลเพื่อความปลอดภัย
ประจวบเหมาะกับข่าวเศร้าของวงการมวยที่นักชกวัย 13 ปี เสียชีวิต ด้วยอาการเลือดคั่งในสมอง จากการชกมวยชิงถ้วยรองนายกฯ นักสะสมนาฬิกาที่อำเภอพระสมุทรเจดีย์ จังหวัดสมุทรปราการ จนกลายเป็นข่าวใหญ่โต และเป็นข้อสนับสนุนให้สังคมเกิดความเห็นคล้อยตามกลายเป็นการสนับสนุนร่างแก้ไข พ.ร.บ.มวย ฉบับนี้ขึ้นมา
เอาจริงๆ ผมก็เกือบเคลิ้มเห็นด้วยแล้ว จนกระทั่งได้ยินคำสัมภาษณ์ของ รศ.นพ.อดิศักดิ์ ผลิตผลการพิมพ์ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยเพื่อสร้างเสริมความปลอดภัยและป้องกันการบาดเจ็บในเด็ก คณะแพทย์ศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี ที่เป็นตัวตั้งตัวตีในการสนับสนุนแก้ไข พ.ร.บ.มวย ฉบับนี้ ระบุว่า "ไม่มีอายุใดที่จะปลอดภัยต่อการถูกชกที่ศีรษะ ไม่ว่าจะเด็กหรือผู้ใหญ่ ทั้งนี้เพราะสมองมนุษย์มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องจนถึงวัยชรา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเด็กที่อายุต่ำกว่า 15 ปี"
ด้วยความเคารพ เราไม่อาจเถียงคุณหมอเรื่องสุขภาพ และความแข็งแรงของร่างกายได้ แต่ถ้าเราปฏิบัติตามที่คุณหมอแนะนำทั้งหมด เราคงต้องยกเลิกกีฬาต่อสู้ทั้งหมดทั้งมวลบนโลกใบนี้ไปเลย และอาจรวมถึงกีฬาที่มีการเข้าปะทะกันอย่างฟุตบอล หรือ อเมริกันฟุตบอล อีกด้วย แค่นึกภาพก็เหมือนจะเห็นภาพคุณหมอเหมือนกับ "ธานอส" ตัวร้ายในหนังซูเปอร์ฮีโร่ "อเวนเจอร์ส" ที่ต้องการรักษาสมดุลของจักรวาลด้วยการสะสมมณีแห่งพลังให้ครบ เพื่อจะดีดนิ้วเพียงครั้งเดียว สิ่งมีชีวิตครึ่งหนึ่งก็จะหายไป
หันกลับมามองโลกแห่งความเป็นจริงๆ การมีมวยเด็กนั้นไม่มีใครอยากให้ลูกของตัวเองเจ็บตัว แม้แต่ ขาวผ่อง ทวี อัมพรมหา ในวันแถลงข่าวต่อต้าน ร่างแก้ไข พ.ร.บ.ฉบับนี้ เจ้าตัวก็ยอมรับว่าตัวเองก็ไม่อยากให้ลูกต่อยมวยเหมือนตัวเอง หรือแม้แต่ สมรักษ์ คำสิงห์ ที่สร้างชื่อจากทั้งชกมวยไทย และมวยสากลสมัครเล่น ลูกชาย-ลูกสาวเขาชกมวยเป็นก็ไม่ได้เอาดีทางมวยอาชีพ กลับไปเล่นกีฬาอย่างฟุตบอล และเดินแบบเป็นดารานักแสดงแทน ทำไมหละ ก็เขาเหล่านี้เลือกได้ แต่คนไทยระดับล่างอย่าง น้องเล็ก อนุชา นักมวยที่เสียชีวิตเขามีทางเลือกมากหรือ ทำไมต้องชกมวยตั้งแต่ 8 ขวบ เพื่อหาเลี้ยงครอบครัว
นี่ยังไม่นับถึงความสำเร็จ และการสร้างชื่อเสียงผ่านการแข่งขันกีฬาชกมวยให้กับประเทศนี้มายาวนานของนักกีฬาไทย หากว่าเลือกที่จะห้ามเด็กไทยอายุต่ำกว่า 12 ปีชกมวยจริงๆ ต่อไปเราคงได้เห็นแต่เด็กไทยรำมวยสวยๆ แต่ชกบนเวทีการแข่งขันไม่เป็น ขณะที่เด็กฝรั่งต่างชาติเขาก็ส่งมาเรียนมวยไทยกันโครมๆ ตั้งแต่ 8-9 ขวบเหมือนกัน ทีนี้คงได้นั่งดูมวยไทยหัวทองกันสมใจคุณหมอและนักวิชาการห้องแอร์กันสนุกหละ แต่ถ้าจะพบกันครึ่งทางของปัญหานี้คือ...อุปกรณ์เซฟตี้ และความเข้มงวดของการบังคับใช้กฎหมายที่มีอยู่แล้วมากกว่า