xs
xsm
sm
md
lg

"สมยศ" แจงละเอียดยิบ เหตุปลด "พิสัณห์" พ้นเลขาฯ จนถูกแฉ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


หลังจาก พล.ต.ท.พิสัณห์ จุลดิลก อดีตเลขาธิการ สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ออกมาแฉถึงเรื่องราวภายในสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ชุดปัจจุบัน ล่าสุด “บิ๊กอ๊อด” พล.ต.อ.ดร.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ออกมากล่าวชี้แจงถึงเรื่องดังกล่าวอย่างละเอียด โดยมีถ้อยข้อความดังต่อไปนี้

ถ้อยแถลงของนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์

“ข้าพเจ้าได้ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ จากคำเชื้อเชิญของสโมสรสมาชิกที่เห็นว่า ข้าพเจ้ามีคุณสมบัติและความเหมาะสมกว่าผู้สมัครคนอื่นๆ

เมื่อข้าพเจ้าได้รับเลือกตั้งเป็นนายกสมาคม ได้เสนอแต่งตั้ง พล.ต.ท.พิสัณห์ จุลดิลก เป็นเลขาธิการ ต่อสภากรรมการ ท่ามกลางการต่อต้านคัดค้านของสภากรรมการ สโมสรสมาชิกและผู้สนับสนุน แต่ข้าพเจ้าก็ดันทุรังโดยขอให้เห็นแก่ข้าพเจ้า และรับพิจารณาไปก่อน หากไม่ดีก็จะมีการเปลี่ยนแปลงเพื่อเป็นการตอบแทนที่ พล.ต.ท.พิสัณห์ ถอนตัวจากการเลือกตั้ง

- ต่อมา พล.ต.ท.พิสัณห์ ให้ข่าวสื่อมวลชนถึงเรื่องนักกีฬาฟุตบอลทีมชาติไทยรุ่นอายุไม่เกิน 16 ปี ที่ขณะนั้นเก็บตัวอยู่ที่ศูนย์ฝึกหนองจอกว่านักกีฬาเสพสารเสพติด สมาคมฯ ได้รับการร้องเรียนจากผู้ปกครอง สโมสรต้นสังกัดนักฟุตบอลตลอดจนสื่อมวลชนให้ปลด พล.ต.ท.พิสัณห์ ที่ทำในสิ่งที่ไม่เหมาะสม พล.ต.ท.พิสัณห์ เสนอตัวลาออก ด้วยความเป็นเพื่อน ข้าพเจ้าจึงแบกรับแรงเสียดทาน จนกระทั่งเรื่องเงียบไป

- เมื่อสภากรรมการมีมติให้ปิด บริษัท พรีเมียร์ ลีก (ไทยแลนด์) จำกัด และมีมติจัดตั้ง บริษัท ไทยลีก จำกัด แทน โดยแต่งตั้งให้ข้าพเจ้าไปทำหน้าที่ประธานกรรมการ บริษัท ไทยลีก จำกัด อีกตำแหน่งหนึ่งเพื่อดำเนินการแล้วได้

1. จดแจ้งปิดและชำระบัญชี บริษัท พรีเมียร์ลีก (ไทยแลนด์) จำกัด
2. จดแจ้งจัดตั้ง บริษัท ไทยลีก จำกัด เสร็จสิ้น โดยข้าพเจ้าถือหุ้นร้อยละ 99.98
3. โอนหุ้นบริษัท ไทยลีก จำกัด จำนวน 99.98% ที่ข้าพเจ้าถืออยู่ให้แก่สมาคมฯ จนเรียบร้อย

- เวลานั้น พล.ต.ท.พิสัณห์ได้มาพบข้าพเจ้าและขอเป็นประธาน บริษัท ไทยลีก จำกัด แทน โดยอ้างเหตุว่า นายกสมาคมไม่สามารถเป็นประธาน บริษัท ไทยลีก จำกัด ได้เพราะเป็น conflict of interest ซึ่งข้าพเจ้าได้สอบถามฝ่ายกฎหมายและฟีฟ่า รับแจ้งว่าสามารถเป็นได้ สร้างความไม่พอใจให้กับ พล.ต.ท.พิสัณห์มาก

- ประเด็นการรับเงินเดือนสองแห่งของนายกสมาคมและผู้บริหาร ทั้งที่สมาคมฯ และบริษัท ไทยลีก จำกัด เป็นเรื่องจริง แต่เป็นเรื่องปกติที่บุคคลทำงานหลายตำแหน่ง หลายหน้าที่ต่างองค์กร ย่อมมีเงินเดือน และค่าตอบแทนจากการทำงานนั้นๆ และฝ่ายกฎหมายได้ให้คำแนะนำว่าสามารถกระทำได้ ซึ่งเรื่องนี้ทำอย่างเปิดเผย มีหลักฐานทางบัญชีชัดเจน เนื่องจากบริษัทมีผลประกอบการที่ดีและมีผลกำไร เพื่อเป็นการจูงใจพนักงานจึงมีการปรับขึ้นเงินเดือนประจำปี และจ่ายเงินเป็นค่าตอบแทนแก่พนักงาน เจ้าหน้าที่ ก่อนปิดงบดุลประจำปี ถือเป็นค่าใช้จ่ายในการบริหารและการขาย มิได้เป็นการนำผลกำไรหรือรายได้มาแบ่งปันกัน ที่สำคัญเงินรายได้ส่วนตัวของข้าพเจ้าทั้งที่สมาคมฯ และ บริษัท ไทยลีก จำกัด

ข้าพเจ้าได้บริจาคให้กับสมาคมฯ มาโดยตลอด มียอดเงินรวมประมาณ 7-8 ล้านบาท และในช่วงแรกของการเข้ารับตำแหน่ง สมาคมฯ ไม่มีรายได้ ขาดสภาพคล่องทางการเงิน ข้าพเจ้าจึงได้ยืมเงินครอบครัวมาเสริมสภาพคล่องทางการเงินหลายครั้ง โดยไม่ได้คิดค่าตอบแทนใดๆ อีกทั้งยังได้ใช้เงินของครอบครัวมาจ่ายเป็นเงินเดือนให้แก่โค้ชฟุตบอลทีมชาติไทยในขณะนั้น คือ คุณเกียรติศักดิ์ เสนาเมือง เดือนละ 1.5 ล้านบาท รวมกับเงินของสมาคมฯ อีก 5 แสนบาท รวมเป็น 2 ล้านบาทต่อเดือน ตลอดระยะเวลา 1 ปีเต็ม เป็นเงินส่วนตัวของข้าพเจ้า 18 ล้านบาท และของสมาคมฯ อีก 6 ล้านบาท นอกจากนี้ ในส่วนของเงินค่าก่อสร้างอาคารสำนักงานสมาคมฯ ที่การกีฬาแห่งประเทศไทยหลังนี้ประมาณ 35 ล้านบาทก็เป็นเงินที่ข้าพเจ้าจัดหามาทั้งสิ้น

- สำหรับเรื่องการจัดจ้างบริษัทฯ เข้ามาอำนวยความสะดวกด้านการจัดการตั๋วเครื่องบิน การเดินทาง อาหาร และที่พัก ให้นักกีฬาทีมชาติไทย เป็นหน้าที่ที่สมาคมจะต้องรับผิดชอบเรื่องการเดินทาง การพักอาศัย และอาหาร เพื่อให้นักเตะทีมชาติได้รับความสะดวกสบาย มุ่งเน้นเรื่องการแข่งขันอย่างเดียว รวมถึงเรื่องการจัดหาทีมต่างชาติมาอุ่นเครื่องกับทีมชาติไทย สมาคมพิจารณาจาก ทีมต่างชาติที่มีความแข็งแกร่ง อยู่ในลำดับโลกที่สูงกว่า เพื่อส่งผลถึงคะแนนของทีมชาติไทยจะได้เลื่อนลำดับสูงขึ้นไปอีก และเป็นประสบการณ์ของทีมชาติไทย ซึ่งต้องได้รับความเห็นชอบจากหัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมชาติไทย และเจ้าของลิขสิทธิ์การถ่ายทอด (คือไทยรัฐทีวี) ด้วย

- ประเด็นมีพนักงานของสมาคมฯ และบริษัท ไทยลีก จำกัด ใช้ชื่อบุคคลอื่นหรือบุคคลใกล้ชิดมารับเงินเดือนแทนบางส่วน เพื่อทำให้ฐานการคิดภาษีรายได้ส่วนบุคคลน้อยลง พล.ต.ท.พิสัณห์มองว่าเป็นการหลีกเลี่ยงภาษี จึงได้เรียกเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบมาชี้แจง ก็ได้รับการยืนยันว่าเรื่องที่ปฏิบัตินั้นเป็นไปตามสัญญาว่าจ้างของสมาคมฯ ที่มีกับลูกจ้างแต่ละคนและดำเนินการหักภาษีเงินได้นำส่งตามกฎหมาย

- เรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องที่ พล.ต.ท.พิสัณห์ข้องใจและคิดว่าไม่ถูกต้อง จึงแจ้ง พล.ต.ท.พิสัณห์ ว่าหากเห็นว่าเป็นเรื่องผิดกฎหมาย หรือเรื่องที่ไม่เหมาะสมก็สามารถดำเนินการใดๆ ก็ได้ตามอำนาจและหน้าที่ทุกกรณีตามที่เห็นสมควร นั่นคือเรื่องที่เกิดขึ้นในสมาคมฯ และเป็นเรื่องที่ พล.ต.ท.พิสัณห์ข้องใจ แม้จะได้รับการชี้แจงจากเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบแล้วก็ตาม

- เรื่องต่างๆ เหล่านี้ได้มีการชี้แจงในที่ประชุมสภากรรมการเมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2561 ซึ่งที่ประชุมสภากรรมการได้รับทราบและพิจารณาแล้ว มีมติเป็นเอกฉันท์อนุมัติให้เพิกถอนและเลิกจ้าง พล.ต.ท.พิสัณห์ จุลดิลก ออกจากตำแหน่งเลขาธิการสมาคมฯ มีผลตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2561 โดยให้จ่ายค่าชดเชยตามข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานของสมาคมฯ และตามกฎหมายต่อไปด้วย

จึงเรียนมาเพื่อทราบโดยทั่วกัน

นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ”


กำลังโหลดความคิดเห็น