คอลัมน์ “Golf Healing” โดย “พลโทนายแพทย์ สมศักดิ์ เถกิงเกียรติ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านกระดูกประจำโรงพยาบาลพระมงกุฎ และ โรงพยาบาลรามคำแหง มีประสบการณ์ในการดูแลผู้ป่วยมากกว่า 30 ปี somsak_doctor@hotmail.com”
“วันนี้เฮียเดินไปกี่ก้าวแล้วก็ไม่รู้” คุณชูสง่าเปรยขึ้น
“ทำไมอ่ะเฮีย” เด็กอ้วนสงสัย
“ก็กูลืมพกมังโปะเกมา” เฮียตอบ
“?!?!” เด็กอ้วนงงเป็นไก่ตาแตก หันมาทางพี่หมอหวังให้ช่วยเฉลย
“อ๋อ! เป็นเครื่องนับก้าวเดินเพื่อสุขภาพของญี่ปุ่นนะเก่งแต่มันล้าสมัยแล้วนะ”
“ล้าสมัยแล้วเรอะ?เพิ่งซื้อมาเอง”
- หลายคนคงเคยได้ยินคำแนะนำเพื่อสุขภาพที่บอกต่อกันมา ให้เดินอย่างน้อยวันละ 10,000 ก้าว แล้วจะมีสุขภาพแข็งแรงรวมทั้งช่วยลดน้ำหนักได้ แต่การเดินมากขนาดนี้ อาจยากเกินกว่าจะปฏิบัติได้จริง อันที่จริงความเชื่อเรื่องการเดิน 10,000 ก้าว นี้มีต้นกำเนิดจากแผนโฆษณาประชาสัมพันธ์ของญี่ปุ่นเพื่อขายอุปกรณ์นับก้าวเดินเพื่อสุขภาพ “มันโปะเก”(Monpokei) ซึ่งคิดค้นขึ้นในช่วงมหกรรมกีฬาโอลิมปิก กรุงโตเกียว โดยต้องการให้คนญี่ปุ่น ออกแรงเดินกันมากขึ้นจากค่าเฉลี่ยเดิมที่ 4,000 ก้าวต่อวัน เพิ่มเป็น 10,000 ก้าวต่อวัน
ต่อมาได้มีการทดลองเปรียบเทียบระหว่างผู้ที่ออกกำลังกายเดิน 10,000 ก้าวในแต่ละวันกับผู้ที่ออกกำลังกายด้วยการเดินเร็วตามวิธี “แอ็คทีฟเท็น” (Active 10 ) ซึ่งสำนักงานบริการสุขภาพแห่งชาติของอังกฤษแนะนำเพื่อดูว่ากลุ่มใดจะเห็นผลดีทางด้านสุขภาพมากกว่ากัน
ศ.ร็อบ โคปแลนด์ จาก ม.เชฟฟิลด์อัลแลม ของสหราชอาณาจักร ได้ทำการทดลอง โดยมีอาสาสมัคร 2 กลุ่ม เป็นพนักงานของโรงงานแห่งหนึ่งซึ่งหลายคนเป็นผู้ที่ไม่ค่อยได้ออกกำลังเป็นประจำมาก่อน โดยอาสาสมัครกลุ่มแรกให้เดินวันละอย่างน้อย 10,000 ก้าว ซึ่งคิดเป็นระยะทางราว 8 กิโลเมตร และอาจต้องใช้เวลาเดินกว่า 1 ชั่วโมง ในขณะที่อาสาสมัครกลุ่มที่สองให้เดินเร็วครั้งละ10นาที เพียงวันละ 3 ครั้ง ซึ่งคิดเป็นระยะทางเพียง 2.4 กิโลเมตรเท่านั้น แต่มีข้อแม้ว่า จะต้องเดินเร็วถึงขั้นหายใจเหนื่อยหอบ จนแทบจะไม่สามารถพูดหรือร้องเพลงไปด้วยได้ ผลการทดลองพบว่ากลุ่มแรกที่ต้องเดินวันละ 10,000 ก้าวนั้น มีเพียง 2 ใน 3 ที่สามารถ ทำได้สำเร็จตามเป้าหมาย ในขณะที่กลุ่มที่ 2 ซึ่งเดินเร็ว 10 นาที วันละ 3 รอบ สามารถออกกำลังสำเร็จตามเป้าหมายทุกคน ทั้งมีช่วงเวลาที่ได้ออกกำลังกายในระดับปานกลาง ถึงหนักหน่วง ซึ่งส่งผลดีต่อปอดและหัวใจมากกว่าคนกลุ่มแรกถึง 30 %
ศ.โคปแลนด์ สรุปผลการทดลองว่า สิ่งสำคัญของการออกกำลังกาย คือ ต้องให้อวัยวะสำคัญได้ทำงานมากขึ้น แม้คุณจะเดินถึงหมื่นก้าว แต่หากไม่ออกแรงให้มากพอก็จะไม่มีผลดีต่อสุขภาพมากนัก ในทางตรงกันข้าม การออกกำลังกายในระดับปานกลาง ถึงหนักหน่วงเป็นช่วงสั้นๆหลายรอบต่อวันจะมีผลดีต่อสุขภาพมากกว่า