ได้ข้อสรุปไทยลีก ฤดูกาล 2018 จะตกชั้น 5 ทีม เพื่อให้เหลือ 16 ทีมในฤดูกาล 2019 ขณะที่การรวมไทยลีก 3 กับ ไทยลีก 4 นั้น พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ชี้เป็นเรื่องของอนาคต และต้องดูว่ามีกี่สโมสรที่ผ่านคลับไลเซนซิง และมีทีมถอนตัวอีกหรือไม่
เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 11 มกราคม 2561 ณ ห้องประชุมบุญจินดา 2 - 3 สโมสรตำรวจ ได้มีการประชุมผู้จัดการทีมสโมสรฟุตบอลโตโยต้าไทยลีก (T1), M-150 แชมเปี้ยนชิพ (T2), ยูโร่เค้กลีก โปร(T3),ยูโร่เค้ก ลีก (T4) เพื่อสรุปภาพรวมการแข่งขันในฤดูกาลที่ผ่านมา และทำความเข้าใจในเรื่องต่างๆ สำหรับฤดูกาล 2018
โดยการประชุมมี พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ เป็นประธาน พร้อม ศุภสิน ลีลาฤทธิ์ อุปนายกฝ่ายจัดการแข่งขันสมาคมฯ, พาทิศ ศุภะพงษ์ รองเลขาธิการฝ่ายต่างประเทศและโฆษกสมาคมฯ, มร.เบนจามิน ตัน รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยลีก จำกัด และผู้อำนวยการคลับไลเซนซิง สมาคมฯ, กรวีร์ ปริศนานันทกุล รองประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายจัดการแข่งขัน บริษัท ไทยลีก จำกัดรวมทั้งตัวแทนสโมสรในแต่ละลีกร่วมประชุม
ภายหลังการประชุม พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมฯ “สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ และบริษัท ไทยลีก จำกัด ดำเนินการจัดการแข่งขันฟุตบอลลีกอาชีพ เป็นฤดูกาลที่ 3 แล้ว การประชุมผู้จัดการทีมถือเป็นการสรุปภาพรวมการแข่งขันในฤดูกาลที่ผ่านมา และทำความเข้าใจในเรื่องต่างๆ สำหรับฤดูกาล 2018 ที่กำลังจะเริ่มขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์นี้”
“โดยทุกสโมสรจะได้รับทราบถึงสิทธิประโยชน์ต่างๆ ที่จะได้รับ ตลอดจนกฎกติกาของการจัดการแข่งขัน ข้อบังคับและระเบียบว่าด้วยการลงโทษฯ ต่างๆ การเตรียมความพร้อมที่จะนำเทคโนโลยี VAR มาใช้เพื่อช่วยในการตัดสิน ซึ่งเราจะเริ่มใช้เพื่อศึกษาข้อดีข้อเสียในเกมแชมเปี้ยนคัพ ระหว่าง บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด พบกับ เชียงราย ยูไนเต็ด วันที่ 19 มกราคมนี้”
“ส่วนเรื่องจำนวนทีมในโตโยต้าไทยลีก ฤดูกาล 2019 จะเหลือ 16 ทีมนั้น ที่ผ่านมามีการส่งแบบสอบถามไปถึงสโมสรสมาชิก และมีการตอบกลับมาเพียง 5 สโมสร ว่า ขอให้มี 18 ทีมตามเดิม ที่เหลือก็ไม่ตอบกลับมา จึงทำให้เสียงไม่ถึงครึ่งหนึ่ง เป็นอันว่ายืนยันตามนโยบายเดิม คือ ตกชั้น 5 ทีม”
“ขณะที่การแข่งขันฟุตบอลไทยลีก 3 และ ไทยลีก 4 ว่าจะจับมารวมกันหรือไม่ก็ เป็นเรื่องของอนาคต เพราะเราต้องรอดูว่าทีมจะถอนทีมกี่สโมสร ผ่านคลับไลเซนซิงกี่สโมสร นอกจากนี้สมาคมฯ ยังวางแผนนำโควต้ากองหน้าคนไทยในทีมบี เพราะว่ากองหน้าไทยในปัจจุบันและในอนาคตมีน้อย และถูกแย่งโควตานักเตะต่างชาติ เราต้องเตรียมการไว้เพื่อวันข้างหน้าเราจะได้มีกองหน้าคนไทยเพิ่มมากขึ้น”
“โควตาอาเซียน ถือเป็นเรื่องที่แฟนบอลในอาเชียนกำลังให้ความสนใจ ขณะที่ประเทศในเอเชียก็เริ่มจับตามองว่าเรากำลังเติบโต และได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น จนก้าวไปเทียบชั้นลีกชั้นนำในเอเชียได้ในอนาคต ทีมต่างชาติ มีความสนใจที่จะเข้าไปร่วมแข่งขันในลีก และเราต้องการพัฒนาฟุตบอลไทยให้เป็นศูนย์กลางฟุตบองในอาเซียน ซึ่งจะมีการศึกษา และพิจารณาถึงข้อดีข้อเสียให้รัดกุมก่อน ซึ่งโควต้าอาเซียน และทีมต่างชาติจะช่วยขยายมูลค่าของลีก สิทธิประโยชน์ต่างๆ จะกลับเข้าสู่สโมสรได้มากขึ้น” พล.ต.อ.สมยศ กล่าว