“เก่ง…เอ็งจะตุนเกลือแร่ไปทำอะไรวะ! ตั้ง 3-4 ขวด”
“เก่งจู๊ดๆน่ะครับ!....สงสัยส้มตำ ปู-ปลาร้าแน่เลย…พี่หมอ”
“อยากสมน้ำหน้าเอ็งนัก…หน้าร้อนอย่างนี้…กินอะไรระวังหน่อยซิวะ!....ว่าแต่เอ็งจะดื่มน้ำพรรค์นี้นะรึ
!....ไอ้บ้า!!...ใครบอกเอ็งวะ!”
“อ้าว!!!” ไอ้เก่งงงเป็นไก่ตาแตก
“นี่กูผิดอีกแล้วหรือเนี่ย…ก็พี่หมอบอกเองนี่หว่า!” เก่งนึกในใจ…ไม่ได้พูดออกมา
น้ำเกลือในท้องตลาดมี 2 ชนิด ชนิดแรกเป็นน้ำเกลือดื่มสำหรับผู้เสียเหงื่อจากการเล่นกีฬาหรือออกกำลังกาย อีกชนิดหนึ่งสำหรับผู้ป่วยที่มีอาการท้องเสียท้องร่วง
สำหรับนักกีฬาคือ ORT (Oral Rehydration therapy) ส่วนสำหรับผู้ป่วยท้องเสียคือ ORS (Oral Rehydration Salt) ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นผงสำหรับละลายน้ำ บรรจุในซอง
แต่ถ้าผู้ป่วยท้องเสียอุจจาระร่วงไปดื่ม ORT แทนที่จะดื่ม ORS อาจจะทำให้อาการหนักกว่าเดิม
อย.ให้ความรู้เพิ่มเติมว่า การเสียน้ำจากอาการท้องเสีย เป็นภาวะที่ร่างกายขาดน้ำและเกลือแร่ในทันทีร่างกายจึงต้องการน้ำและเกลือแร่มาทดแทน ส่วนการเสียน้ำหรือเสียเหงื่อจากการออกกำลังกายนั้น ร่างกายจะเสียน้ำและน้ำตาลเป็นหลัก โดยจะเสียเกลือแร่ในปริมาณที่น้อยมาก ดังนั้นร่างกายจึงต้องการน้ำและน้ำตาลมาทดแทน จากความแตกต่างดังกล่าวข้างต้นจะเห็นได้ว่าถ้าเป็น ORS สำหรับผู้ที่มีอาการท้องเสียปริมาณเกลือแร่หรือปริมาณโซเดียมจะสูงกว่าส่วน ORT เกลือแร่สำหรับผู้ที่เสียเหงื่อจากการออกกำลังกาย ปริมาณน้ำตาลจะสูงกว่า
หากผู้ที่เกิดอาการท้องเสีย แต่ไปจิบน้ำเกลือแร่สำหรับผู้ที่เสียเหงื่อจากการออกกำลัง (อย่างคุณเก่งพระเอกของเรา) จะยิ่งเป็นการกระตุ้นให้เกิดอาการท้องเสียได้มากขึ้น เนื่องจากเครื่องดื่มชนิดนี้ (ORT) จะมีปริมาณน้ำตาลและเกลือแร่บางชนิดที่สูงกว่า ทำให้ร่างกายดึงน้ำเข้ามาในทางเดินอาหาร ส่งผลให้ลำไส้บีบตัวมากขึ้น กระตุ้นให้ถ่ายเหลวมากขึ้น
ดังนั้นก่อนที่จะเลือกใช้เกลือแร่ ควรพิจารณาให้ดีก่อนว่า เกลือแร่นั้นเป็น ORS สำหรับผู้ป่วยท้องเสีย หรือ ORT เกลือแร่สำหรับผู้ออกกำลังกายเพื่อทดแทนน้ำและน้ำตาลที่สูญเสียไป
“เอ้าเก่ง…เอา ORS ไป 10 ซอง แล้วตอนนี้ทานอาหารอ่อนๆ น้อยๆ ก่อนนะ ให้ลำไส้ได้พักก่อน”
“ขอบคุณมากครับพี่หมอ”