xs
xsm
sm
md
lg

โลก (โรค) คลั่ง แบรนด์ไทเกอร์ "พี่เสือ" รับทรัพย์อ่วม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


หากเอ่ยถึงชื่อ “ไทเกอร์ วู้ดส์” แล้วจะบอกว่านี่คือสัญลักษณ์แห่งการสร้างสถิติและหน้าประวัติศาสตร์ใหม่ของวงการกีฬาก็คงไม่น่าจะหนีจากความจริงสักเท่าไรนัก ตลอดระยะเวลา 11 ปีในฐานะนักกอล์ฟอาชีพ ชื่อของวู้ดส์ แทบจะเรียกได้ว่าเป็นนักกอล์ฟที่ยิ่งใหญ่ในรอบทศวรรษหรือตลอดกาล ผลงานระดับ 61 แชมป์จากพีจีเอทัวร์ ซึ่งในจำนวนดังกล่าวเป็นเกียรติยศจากรายการเมเจอร์ 13 ครั้ง และถึงแม้ว่า วู้ดส์จะยังไม่สามารถคว้าแชมป์เมเจอร์ทั้งสี่รายการได้ในฤดูกาลเดียว ดังเช่น “บ็อบบี้ โจนส์” แต่ พญาเสือ ก็มีสแลมเป็นของตนเองที่หลายคนรู้จักในนาม “ไทเกอร์ สแลม” ทั้งหมดนี้เป็นเพียงบางส่วนในหน้าประวัติศาสตร์ที่วู้ดส์ ได้สร้างเอาไว้ในวงการกอล์ฟ

ขณะเดียวกันชื่อเสียงนอกสนามรวมทั้งรายได้ของไทเกอร์ วู้ดส์ นั้นเรียกได้ว่าอยู่ระดับแถวหน้าของวงการกีฬาโลกเพราะในฐานะนักกอล์ฟหมายเลขหนึ่ง ที่ครองสถิติยึดหัวหาดติดต่อกันนานที่สุดถึง 465 สัปดาห์ของเวิลด์กอล์ฟแรงกิ้ง คว้าตำแหน่งโปรยอดเยี่ยมแห่งปีของพีจีเอทัวร์ได้ถึง 9 ใน 11 ฤดูกาลที่ลงเล่นในระดับอาชีพ พร้อมทั้งกอบโกยรายได้จากการแข่งขันรวมเป็นเงินมหาศาลถึง 76,579,376 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 2,680 ล้านบาท) บรรดาสปอนเซอร์ทั้งหลายจึงพากันหลั่งไหลเข้ามาให้ ไทเกอร์ เซ็นสัญญารับทรัพย์จนนับแทบไม่หวาดไม่ไหว

ไล่ตั้งแต่แบรนด์ผลิตภัณฑ์สำหรับการเล่นกอล์ฟโดยตรงอย่าง Nike บริษัทที่ปรึกษาด้านการเงินและการจัดการ Accenture นาฬิกา Tag Heuer รถยนต์ชื่อดังสัญชาติอเมริกัน Buick รวมทั้งค่ายเกมชั้นนำอย่าง EA Sports ในเครือ Electronics Arts (EA) ที่ผลิตเกมตีกอล์ฟบนเครื่องเล่นเกมคอนโซลหลายระบบรวมไปถึง PC ภายใต้ชื่อซีรีส์ “Tiger Woods PGA Tour”ออกมาอย่างต่อเนื่อง

แต่ที่เรียกเสียงฮือฮาได้ไม่น้อยเห็นจะเป็นตำแหน่ง พรีเซนเตอร์ของผลิตภัณฑ์โกนหนวดยี่ห้อ Gillette ซึ่งวู้ดส์ ทำหน้าที่ร่วมกับ เธียร์รี่ อองรี และ โรเจอร์ เฟเดอเรอร์ ภายใต้แคมเปญสุดเท่ห์ที่มีชื่อว่า “Gillette Champions” แม้ว่าจะไม่มีการเปิดเผยตัวเลขรายได้อย่างเป็นทางการ แต่มีผู้เชี่ยวชาญในวงการธุรกิจออกมาวิเคราะห์ว่ายอดโปรหมายเลข 1 รับเงินเข้ากระเป๋าราว 10-20 ล้านเหรียญสหรัฐ

ล่าสุด “พญาเสือ” ก็ได้ตอกย้ำความมั่งคั่งอีกครั้งไปเมื่อช่วงกลางเดือนตุลาคมที่ผ่านมาด้วยการเซ็นสัญญากับ Gatorade เครื่องดื่มเกลือแร่ยี่ห้อดังของ PepsiCo ผู้ผลิตน้ำดำยอดฮิตอย่าง Pepsi ซึ่งถือเป็นสัญญากับผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มฉบับแรกของเขา โดยการลงนามของ ไทเกอร์ ครั้งนี้มีความพิเศษอีกอย่างหนึ่งตรงที่เป็นสัญญาลิขสิทธิ์เครื่องหมายการค้าฉบับแรก เนื่องจากจะมีการเปิดตัวแบรนด์เครื่องดื่มเกลือแร่ของตัวเองซึ่งใช้ชื่อว่า “Gatorade Tiger” โดยมีกำหนดออกสู่ตลาดในเดือนมีนาคมปีหน้า

สำหรับจุดเริ่มต้นที่ทำให้พญาเสือกำลังจะมีแบรนด์เป็นของตัวเองนั้น นิตยสาร Golfweek ของสหรัฐฯ รายงานว่าเจ้าหน้าที่ของเกเตอเรดไปเห็น วู้ดส์ กำลังซดเครื่องดื่มเกลือแร่ของตนเองในระหว่างการแข่งขันรายการพีจีเอทัวร์ที่ไม่มี เกเตอเรด เป็นหนึ่งในผู้สนับสนุนหลักของรายการ ทำให้บริษัทเกิดไอเดียที่จะสร้างแบรนด์ขึ้นมาให้อย่างเป็นกิจจะลักษณะ ซึ่งที่ผ่านมานักกีฬาระดับซูเปอร์สตาร์ของเมืองมะกันหลายรายอย่าง ไมเคิล จอร์แดน (บาสเกตบอล), ดีเร็ค เจเตอร์ (เบสบอล), เพย์ตัน แมนนิ่ง (อเมริกันฟุตบอล) และ เมีย แฮมม์ (ฟุตบอลหญิง) ต่างเคยเป็นพรีเซนเตอร์ให้มาแล้ว แต่ยังไม่มีรายใดที่ได้รับสัญญาจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าเหมือน ไทเกอร์ วู้ดส์

ด้าน ไทเกอร์ เองก็ออกมาแถลงหลังการเซ็นสัญญาครั้งสำคัญของตนว่า “เกเตอเรด เป็นส่วนหนึ่งในเกมการเล่นของผมมาเป็นเวลาหลายปีแล้ว ไม่ว่าจะเป็นในช่วงฝึกซ้อมหรือในระหว่างแข่งขัน ดังนั้นนี่จึงเป็นการจับคู่ที่ลงตัวมาก” โดย Gatorade Tiger นี้ตัวเขาเป็นคนเลือกรสชาติของเครื่องดื่มเอง ซึ่งก็จะมี 3 รสให้ได้เลือกลิ้มลองระหว่าง เชอร์รี่ เบลนด์, ซิตรัส เบลนด์ และ องุ่น

ขณะที่ เจฟฟ์ เออร์บาน รองประธานอาวุโสของบริษัทผู้ผลิตเกเตอเรดชี้แจงถึงสาเหตุที่เลือกที่จะออกแบรนด์ให้กับยอดโปรมือทองว่า “ด้วยชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันไปทั่วทุกหนแห่ง บวกกับบุคลิกที่เต็มไปด้วยความกระหายในการเป็นผู้ชนะของเขาทำให้เราเกิดไอเดียนี้ขึ้นมา และนี่ถือเป็นการทำธุรกิจครั้งประวัติศาสตร์สำหรับเรา”

แม้ไม่มีการเปิดเผยจำนวนรายได้ที่แน่นอนจากการเซ็นสัญญาครั้งนี้ แต่บรรดานักวิจัยด้านธุรกิจคาดว่าจะมีตัวเลขตลอดระยะเวลาสัญญา 5 ปีอยู่ที่ 100 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 3,500 ล้านบาท) ซึ่งจะทำให้ “พญาเสือ” มีรายได้ตลอดการเล่นอาชีพทั้งจากเงินรางวัลจากการแข่งขันและสปอนเซอร์รวมแล้วสูงถึง 650 ล้านเหรียญสหรัฐ

นอกจากนั้น การที่ยังรักษามาตรฐานระดับสูงเอาไว้ได้อย่างต่อเนื่อง ทำให้มีผู้สันทัดกรณีทำนายว่าเขาจะเพิ่มยอดการรับทรัพย์จนแตะหลัก 1 พันล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 35,000 ล้านบาท) ได้ภายในปี 2010 ซึ่งจะถือเป็นนักกีฬาคนแรกในประวัติศาสตร์ที่สามารถทำรายได้สูงถึงขนาดนั้นได้ แม้ตัวเลขที่ออกมาอาจจะดูมหาศาลจนราวกับว่า ไทเกอร์ วู้ดส์ เป็นมนุษย์ทองคำที่มีขีดจำกัดเหนือคนทั่วไป แต่นั่นไม่ใช่เรื่องที่เกินจริงแต่อย่างใด เมื่อมองในแง่ที่ว่าทุกสิ่งที่เขาได้รับมีบ่อเกิดมาจากความสามารถของเขาล้วนๆ นั่นเอง




กำลังโหลดความคิดเห็น