xs
xsm
sm
md
lg

จี้ กกต.สอบ “บิ๊กตู่” ครอบงำ พปชร.พบหลักฐานแทรกแซงชัดเจน!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


“เลขาฯ กกต.” เผย กรณีครอบงำพรรคไทยรักษาชาติ สอบ “วรวัจน์” พบทักษิณ ไม่มีมูล ขณะที่เจ้าตัว ระบุคำสั่งจาก “บิ๊กป้อม” ย้อนศร จี้ กกต. สอบ “พลังประชารัฐ” ชี้ รัฐบาล คสช. ครอบงำตั้งแต่ชื่อพรรคยันนโยบาย ขณะที่ อดีต กกต. ฟันธง กรณี “พล.อ.ประยุทธ์” ค้านนโยบายแปลง ส.ป.ก.4-01 เป็นโฉนด เข้าข่ายแทรกแซงชัดเจน ย้ำต้องทำหน้าที่อย่างเป็นธรรม

กรณี “การครอบงำพรรค” โดยบุคคลภายนอก ซึ่งอาจนำไปสู่การถูกยุบพรรค ได้รับความสนใจขึ้นมาอีกครั้งหลังจากที่เมื่อเร็วๆ นี้ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้เรียก นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญากุล สมาชิกพรรคไทยรักษาชาติ ไปสอบถามเรื่องการเดินทางไปพบปะและร่วมวงสังสรรค์ในงานเลี้ยงวันคล้ายวันเกิดของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตแกนนำคนสำคัญของพรรคเพื่อไทย ที่ร้านอีสานเขียว ในลอนดอน โดยมีนายทักษิณ ชินวัตร เป็นเจ้าภาพ เมื่อเดือนมิถุนายน 2561 เนื่องจาก กกต. มีข้อสงสัยว่า การพบปะดังกล่าวจะมีการสั่งการใดๆ จาก นายทักษิณ และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่มีผลต่อการดำเนินการของพรรคไทยรักษาชาติหรือไม่

ทั้งนี้ เพราะพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยพรรคการเมือง มาตรา 28 ระบุไว้ว่า ห้ามไม่ให้พรรคการเมืองยินยอม หรือกระทำการใดอันทำให้บุคคลอื่น ซึ่งมิใช่สมาชิกกระทำการอันเป็นการควบคุมครอบงำ หรือชี้นำกิจกรรมของพรรคการเมือง ในลักษณะที่ทำให้พรรคการเมือง หรือสมาชิกขาดความเป็นอิสระ และมาตรา 29 ระบุว่า ห้ามบุคคลซึ่งไม่ใช่สมาชิกพรรคกระทำการใดอันเป็นการควบคุมครอบงำ หรือชี้นำกิจกรรมพรรคการเมือง ในลักษณะที่ทำให้พรรคการเมืองหรือสมาชิกขาดความอิสระ ไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อม

ส่งผลให้ “พรรคไทยรักษาชาติ” ซึ่งแยกออกมาจากพรรคเพื่อไทย กลายเป็นพรรคที่สองต่อจากเพื่อไทย ที่ถูก กกต. สอบกรณีการครอบงำพรรค ส่วนว่าการพบปะกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ และ นายทักษิณ ของนายวรวัจน์ มีแนวโน้มที่จะเข้าข่ายว่าบุคคลภายนอกเข้ามามีบทบาทการครอบงำพรรค และสุ่มเสี่ยงที่จะนำไปสู่การถูกยุบพรรคหรือไม่ คงต้องพิจารณาองค์ประกอบในหลายประเด็นด้วยกัน
พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการ กกต.
พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการ กกต. หน่วยงานที่มีบทบาทชี้เป็นชี้ตายในเรื่องนี้ ได้ชี้แจงถึงกรณีดังกล่าวว่า สาเหตุที่ กกต. เชิญนายวรวัจน์มาให้ข้อมูลเรื่องการเดินทางไปงานวันเกิดของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เนื่องจากมีข่าวปรากฏในหน้าหนังสือพิมพ์จึงจำเป็นต้องตรวจสอบ โดย กกต. พยายามตรวจสอบเท่าที่มีพยานหลักฐาน ซึ่งนอกจากการไต่ถามข้อมูลรายละเอียดต่างๆ จากนายวรวัจน์แล้ว กกต. ยังได้เรียกหนังสือพิมพ์ที่ลงข่าวดังกล่าวมาสอบถามว่าได้ภาพมาจากไหน ได้มาอย่างไร

“เราไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ว่า นายวรวัจน์ และหนังสือพิมพ์ที่เชิญมาสอบให้ข้อมูลว่าอย่างไร แต่จากข้อมูลที่ได้ยังไม่มีมูลถึงขั้นต้องตั้งคณะกรรมการไต่สวน” เลขาธิการ กกต. ระบุ

พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ชี้แจงต่อว่า การจะตัดสินว่ามีบุคคลภายนอกพรรคเข้ามาครอบงำพรรคหรือไม่นั้น ต้องพิจารณาจากหลายปัจจัย เช่น หากมีการไปพบอดีตผู้นำพรรค เราไม่ได้พิจารณาเฉพาะประเด็นว่าบุคคลที่ไปพบเป็นระดับบริหารของพรรคหรือไม่ แม้จะเป็นแค่สมาชิกพรรคก็อาจจะเข้าข่ายครอบงำพรรค หากการไปพบปะนั้นนำไปสู่การชี้นำการดำเนินงานของพรรค ซึ่งในการตรวจสอบข้อมูลนั้นจะต้องเชิญบุคคลต่างๆ ที่เกี่ยวข้องมาสอบถาม หากมีมูลจึงตั้งคณะกรรมการขึ้นมาไต่สวน ซึ่งกว่าจะได้ข้อสรุปต้องใช้เวลา
นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญากุล สมาชิกพรรคไทยรักษาชาติ
ด้าน นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญากุล สมาชิกพรรคไทยรักษาชาติ ซึ่งถูก กกต.เรียกสอบเรื่องการไปพบ น.ส.ยิ่งลักษณ์ และนายทักษิณ ที่ลอนดอน นั้น บอกว่า ได้ชี้แจงกับ กกต.ไปว่าตนไปร่วมงานวันเกิด น.ส.ยิ่งลักษณ์ เพียงคนเดียว ไม่ได้มีนักการเมืองคนอื่นไปด้วย และไม่มีการคุยเรื่องการเมือง ซึ่งตัวเขาก็เป็นเพียงสมาชิกพรรค ไม่ได้เป็นกรรมการบริหารพรรคที่มีบทบาทในการกำหนดนโยบายพรรค จึงเป็นไปไม่ได้ที่ใครจะใช้เป็นเครื่องมือในการครอบงำพรรค ที่สำคัญช่วงที่ไปร่วมงานวันเกิด น.ส.ยิ่งลักษณ์นั้นเป็นช่วงสุญญากาศทางการเมือง ยังไม่รู้ว่าจะมีการเลือกตั้งเกิดขึ้นหรือไม่ ยังกำหนดอะไรไม่ได้ ดังนั้นจึงไม่มีประเด็นการเมืองที่จะพูดคุยกัน
“ก่อนหน้านั้นได้ยินว่าท่าน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ พูดกับสื่อว่าจะให้สอบคนที่ไปพบท่านทักษิณ ผมก็คิดว่า ตม.ซึ่งเป็นหน่วยงานในกำกับดูแลของรัฐจะมาสอบ เพราะผมเพิ่งกลับจากต่างประเทศ กลายเป็น กกต. ซึ่งเป็นหน่วยงานอิสระมาเรียกสอบ” นายวรวัจน์ ระบุ
อย่างไรก็ดี ปฏิเสธไม่ได้ว่าการทำหน้าที่ของ กกต.ในห้วงเวลานี้นั้นมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์อยู่ไม่น้อยว่ามีลักษณะของการเอื้อประโยชน์ให้แก่กลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง หรือเป็นไปเพื่อให้เกิดความได้เปรียบเสียเปรียบในการเลือกตั้งของพรรคการเมืองต่างๆ หรือไม่ อย่างไร
รศ.สมชัย ศรีสุทธิยากร อดีต กกต.
รศ.สมชัย ศรีสุทธิยากร สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะอดีต กกต. แสดงความเห็นถึงการทำหน้าที่ของ กกต.ว่า สำหรับกรณีที่นายวรวัจน์ไปพบนายทักษิณจะเข้าข่ายคนนอกมีอิทธิพลครอบงำพรรคหรือไม่นั้นเป็นเรื่องที่ กกต.ต้องพิสูจน์ให้ได้ว่านายทักษิณมีอิทธิพลต่อพรรคไทยรักษาชาติ เช่น นายทักษิณพูดกับนายวรวัจน์ว่าอย่างไร และสิ่งที่พูดถูกนำมาใช้เป็นแนวทางในการกำหนดนโยบายหรือการดำเนินการของพรรคไทยรักษาชาติหรือไม่
“ผมว่านายวรวัจน์ไปพบนายทักษิณจะเข้าข่ายการครอบงำหรือไม่ยังไม่มีความชัดเจนเท่ากับกรณีของ บิ๊กตู่ กับพรรคพลังประชารัฐ เช่นเรื่องที่พรรคพลังประชารัฐมีแนวคิดจะออกนโยบายจะแปลงเอกสารสิทธิ ส.ป.ก. 4-01 เป็นโฉนด แต่บิ๊กตู่ ออกมาคัดค้าน ส่งผลให้พรรคพลังประชารัฐมีท่าทีเปลี่ยนไป ตรงนี้อาจเข้าข่ายยินยอมให้บุคคลอื่นที่ไม่ใช่สมาชิกพรรคเข้ามาครอบงำกิจกรรมของพรรค ซึ่งแม้พลังประชารัฐมีแนวคิดว่าจะเสนอ พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ คนนอก ก็ยังถือว่าเป็นบุคคลนอกที่เข้ามาครอบงำกิจกรรมของพรรคเนื่องจาก พล.อ.ประยุทธ์ไม่ได้เป็นสมาชิกพรรค ซึ่งสุ่มเสี่ยงที่จะนำไปสู่การยุบพรรคได้” รศ.สมชัยระบุ

ดังนั้นจึงอยากให้ กกต.ชุดปัจจุบันปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเป็นธรรม โดยใช้กฎเกณฑ์เดียวกันกับพรรคการเมืองทุกพรรค เช่น หาก กกต. เข้าไปสอบกรณีนายทักษิณครอบงำพรรคของไทยรักษาชาติเพราะมีเรื่องปรากฏเป็นข่าว เมื่อมีกรณีของพรรคการเมืองอื่นปรากฏเป็นข่าวซึ่งมีลักษณะว่าอาจเข้าข่ายการครอบงำพรรค เช่น กรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ท้วงติงนโยบายแปลง ส.ป.ก. 4-01 เป็นโฉนดของพรรคพลังประชารัฐ กกต. ก็ต้องเรียกพรรคพลังประชารัฐมาสอบด้วยเช่นกัน
เรื่องนี้สอดคล้องกับ นายวรวัจน์ ซึ่งมองว่า หาก กกต.จะสอบในกรณีการครอบงำพรรค กกต. คงมีภาระหนักเพราะต้องสอบพรรคการเมืองอีกหลายพรรค โดยเฉพาะพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งชัดเจนว่าที่ผ่านมาถูกครอบงำโดยรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ทั้งชื่อพรรคและนโยบายของพรรคก็ล้วนมาจากชื่อโครงการและนโยบายของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งเป็นบุคคลที่ไม่ใช่สมาชิกพรรค
“กรณีที่รัฐบาล คสช. และ พล.อ.ประยุทธ์ มีอำนาจและบทบาทในการครอบงำพรรคพลังประชารัฐนั้นชัดเจนมาก และปรากฏให้เห็นบนหน้าสื่ออยู่ทุกวัน ดังนั้น กกต.ควรเรียกพรรคพลังประชารัฐมาสอบด้วย การเขียนกฎหมายจะเขียนอย่างไรก็ได้ ส่วนเขียนแล้วปฏิบัติได้จริงหรือไม่ ปฏิบัติได้อย่างเท่าเทียมเที่ยงธรรมหรือไม่ ประชาชนเขาจับตาดูอยู่” นายวรวัจน์ระบุ
อย่างไรก็ดี พ.ต.อ.จรุงวิทย์ กล่าวถึงข้อเรียกร้องที่ให้มีการสอบพรรคพลังประชารัฐว่าถูกครอบงำโดยรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ หรือไม่ ว่า คงต้องดูรายละเอียดก่อน เนื่องจากขณะนี้ยังไม่เห็นข้อมูล
ปัจจุบันยังไม่มีพรรคการเมืองใดถูกตัดสินยุบพรรคในฐานความผิดที่ให้บุคคลภายนอกเข้ามาครอบงำพรรค แต่เชื่อว่าประเด็นเรื่องการครอบงำพรรคจะยังคงถูกหยิบยกขึ้นมาอีกหลายวาระ ต่อให้การเลือกตั้งแล้วเสร็จ กระทั่งมีการจัดตั้งรัฐบาลขึ้นมาบริหารประเทศอย่างเป็นรูปธรรม ก็ไม่อาจการันตีได้ว่าจะไม่มีใครนำเรื่องนี้มาเป็นข้อโต้แย้งเพื่อสกัดการเมืองขั้วตรงข้าม เพราะประเด็นที่ฝ่ายการเมืองให้ความสนใจนั้นหาใช่เรื่องการครอบงำ หากแต่เป็นผลพวงที่ตามมาจากการพิจารณาความผิด นั่นคือการ “ยุบพรรค” นั่นเอง


กำลังโหลดความคิดเห็น