xs
xsm
sm
md
lg

เพื่อไทยไล่จิก “อุทยานราชภักดิ์” ตั้งเป้ารัฐบาลบิ๊กตู่เดี้ยงก่อนวาระ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

ทุจริตอุทยานราชภักดิ์ ทุกอย่างไม่เคลียร์ ทำ คสช.เป๋ เปิดช่องให้เพื่อไทยเปิดแนวรุกเพิ่ม เดินหน้าทุกช่องทางทั้งในนามพรรคและมวลชน แถมมีต่างชาติระดับทูตร่วมแจม คนเพื่อไทยประเมินเหตุการณ์นี้ดึงรัฐบาลต่ำลง แต่คงไม่สามารถกลบเรื่องจำนำข้าวได้ ปลุกคนเสื้อแดงไม่ขึ้น หวังแค่ให้อายุรัฐบาลสั้นลง ชี้โอกาสกลับมาของคนตระกูลชินวัตรริบหรี่ ด้านความมั่นคงแนะรัฐบาลเร่งสร้างความชัดเจน ก่อนที่ความทุ่มเทที่ผ่านมาจะสูญเปล่า

ปมทุจริตในโครงการอุทยานราชภักดิ์ที่ถาโถมใส่รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา และคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ในเวลานี้ ทำเอาการเดินหน้าบริหารบ้านเมืองของรัฐบาลดูเชื่องช้าลงไปทันตา แม้จะมีความพยายามยุติปัญหาดังกล่าว ด้วยการที่กองทัพบกตั้งคณะกรรมการตรวจสอบการก่อสร้างโครงการอุทยานราชภักดิ์ใช้เวลาเพียง 7 วัน โดยพลเอกธีรชัย นาควานิช ผู้บัญชาการทหารบก ได้ออกมาแถลงว่า ผลการตรวจสอบการก่อสร้างโครงการอุทยานราชภักดิ์ทุกอย่างถูกต้อง โปร่งใส ไม่พบการทุจริต มีหลักฐานที่สามารถแสดงต่อสาธารณะได้ และไม่มีความจำเป็นที่องค์กรต่างๆ จะต้องเข้าไปตรวจสอบ

แม้กองทัพบกจะสรุปออกมาแล้วว่าเรื่องการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ไม่พบการทุจริต แต่กลับไม่สามารถหยุดความคลางแคลงใจของผู้คนทั่วไปได้ รวมไปถึงการออกมาให้ข้อมูลในเรื่องนี้ที่ขัดแย้งกัน โดยเฉพาะการออกมายอมรับของพลเอกอุดมเดช สีตบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ประธานมูลนิธิราชภักดิ์ ว่า มีการทุจริตเรียกรับค่าหัวคิวจากบุคคลบางกลุ่มกับโรงหล่อ ระบุว่าเป็นเรื่องระหว่างเอกชนที่ดำเนินการกันเอง และได้ดำเนินการให้นำเงินเหล่านี้ไปคืนในรูปแบบการบริจาคแล้ว

หรือคำชี้แจงที่กล่าวว่าโครงการดังกล่าวไม่ได้ใช้เงินจากงบประมาณ แต่นายชัยสิทธิ์ ตราชูธรรม ประธานคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน (คตง.) ได้ออกมากล่าวว่า จากการตรวจสอบของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ในเบื้องต้น พบว่า เงินที่ใช้ในการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ ส่วนหนึ่งมาจากงบกลางจำนวน 63.57 ล้านบาท ส่วนที่เหลือเป็นเงินที่รับบริจาคจากประชาชนทั่วไป

รวมไปถึงการที่ศาลทหารกรุงเทพได้อนุมัติหมายจับตามที่กองปราบปราม สำนักงานตำรวจแห่งชาติร้องขอ หนึ่งในนั้นคือพลตรีสุชาติ พรหมใหม่ อดีตผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก ตามหมายจับเลขที่ 46/2558 และหมายจับ 47/2558 ในความผิดฐานร่วมกันหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้าย พระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ และความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 123

ชุดสืบสวนสอบสวนพบข้อมูลว่า มีการกระทำความผิดร่วมกับพันเอกคชาชาต บุญดี ผู้ต้องหาในคดี 112 ที่ถูกหมายจับก่อนหน้านี้และอยู่ระหว่างการหลบหนีการจับกุม

นอกจากนี้เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาได้เผยแพร่ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ถอดยศทหารและเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ โดยมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ถอดพันเอกคชาชาต บุญดี ออกจากยศทหารตั้งแต่วันที่ 11 พฤศจิกายน 2558 ในวันที่มีคำสั่งปลดออกจากราชการ เนื่องจากต้องหาคดีอาญาฐานร่วมกันหมิ่นประมาท ดูหมิ่น แสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ และหลบหนีออกนอกราชอาณาจักร กับประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง ให้เรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์

เมื่อทุกอย่างฟุ้งบนความคลางแคลงใจของประชาชนทั้งประเทศ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้มีการตั้งคณะกรรมการอีกชุดหนึ่งขึ้นมาตรวจสอบข้อเท็จจริง ซึ่งอยู่ระหว่างดำเนินการตรวจสอบ

ขณะที่หัวขบวนอย่างพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พร้อมเปิดทางให้หน่วยงานอื่นได้เข้าไปตรวจสอบในโครงการดังกล่าว
ทหารควบคุมตัวนายจตุพร พรหมพันธ์ุ ที่มหาชัย เมื่อ 30 พฤศจิกายน 2558
ไม่เร่งแก้-ศรัทธาเสื่อม

แหล่งข่าวจากแนวร่วมที่เคลื่อนไหวต่อต้านระบอบทักษิณ กล่าวว่า เรื่องของอุทยานราชภักดิ์ กลายเป็นปัญหาหนักอกของคณะนายทหารที่เข้ามายุติปัญหาความขัดแย้งของคนไทยตั้งแต่ 22 พฤษภาคม 2557 เพราะนับตั้งแต่การเข้ามายึดอำนาจจนกระทั่งเป็นรัฐบาล พลเอกประยุทธ์ให้ความสำคัญกับเรื่องการปราบปรามการทุจริต คอร์รัปชัน และยึดมั่นในการเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์มาโดยตลอด หลายคดีที่ถูกละเลยในรัฐบาลก่อนหน้า รัฐบาลของพลเอกประยุทธ์กลับเอาจริงเอาจังในเรื่องเหล่านี้ ทำให้มีคนจำนวนไม่น้อยที่สนับสนุนรัฐบาลชุดปัจจุบัน

ไม่มีใครคิดว่าจะเกิดเรื่องนี้ขึ้นในรัฐบาลชุดนี้ กรณีของอุทยานราชภักดิ์มีทั้งเรื่องการทุจริตและเข้าข่ายมาตรา 112 ผลสอบที่ออกมาก็ไม่สามารถสร้างความกระจ่างให้กับสังคมได้ กองทัพบกบอกไม่มีทุจริต แต่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหมและประธานมูลนิธิราชภักดิ์บอกมี แถมศาลทหารออกหมายจับนายทหารระดับนายพล มีการถอดยศและให้ออกจากราชการ

ครั้งนี้ถือว่า คสช.เสียหายมาก เห็นถึงความไม่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของอดีตผู้บัญชาการทหารบกคนก่อนกับคนปัจจุบัน ขณะที่ผู้นำอย่างพลเอกประยุทธ์ก็ยังไม่กล้าตัดสินใจแก้ปัญหานี้ วันนี้ท่านเป็นนายกรัฐมนตรีของคนทั้งประเทศหากไม่สามารถหาคำตอบที่ชัดเจนได้ ย่อมไม่เป็นผลดีต่อเสถียรภาพของรัฐบาล และสิ่งที่ลงทุนลงแรงไปตั้งแต่การเข้ายึดอำนาจกลายเป็นสิ่งไร้ค่า

เช่นเดียวกับนักวิเคราะห์ยุทธศาสตร์การเมือง ประเมินว่า หากรัฐบาลไม่เร่งแก้ไขปัญหาเรื่องอุทยานราชภักดิ์ให้กระจ่าง ศรัทธาจากประชาชนที่เคยสนับสนุนย่อมจะลดน้อยลง

ตอนนี้เลยเป็นโอกาสทองของฝ่ายตรงข้ามของรัฐบาลอย่างพรรคเพื่อไทย ที่ไม่ต้องลงทุนอะไรเลย อาศัยแค่คดีดังกล่าวที่ถูกเปิดเผยออกมาเอง ใช้กรณีนี้ออกมาเคลื่อนไหวในเรื่องดังกล่าวมากเป็นพิเศษ จากเดิมที่อยู่ในสถานะตั้งรับจากข้อกล่าวหาในคดีทุจริตโครงการรับจำนำข้าว กลับกลายเป็นฝ่ายรุกรัฐบาล

เพื่อไทยสบช่องรุกปมราชภักดิ์

ขณะที่แหล่งข่าวภายในพรรคเพื่อไทย ที่ผ่านมานางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ถูกดำเนินคดีเรื่องทุจริตจำนำข้าว เมื่อเกิดกรณีของอุทยานราชภักดิ์ สถานะของนางสาวยิ่งลักษณ์ก็ไม่ได้สูงขึ้น แต่สถานะของรัฐบาลนี้ถูกลดระดับลงมามากกว่าเดิม

แน่นอนว่าทางพรรคเพื่อไทยย่อมมีแนวทางในการเคลื่อนไหวมากกว่าเดิม จากแนวทางการต่อสู้ในเรื่องความไม่เป็นธรรมกับนางสาวยิ่งลักษณ์ สู้เรื่องการร่างรัฐธรรมนูญที่ไม่เป็นประชาธิปไตย หรือความพยายามบอกกล่าวว่ารัฐบาลนี้ไม่สามารถปลุกเศรษฐกิจให้ฟื้นขึ้นมาได้ เรื่องอุทยานราชภักดิ์กลายมาเป็นอีกแนวทางหนึ่งที่มีการเคลื่อนไหวเรื่องนี้มากเป็นพิเศษ

จะเห็นได้ว่ามีการเคลื่อนไหวทั้งในนามพรรค มีการออกแถลงการณ์ออกมา 6 ฉบับ เรียกร้องให้รัฐบาลแถลงรายละเอียดและดำเนินการหาข้อเท็จจริงกรณีการทุจริตในโครงการอุทยานราชภักดิ์โดยเร่งด่วน รวมถึงเรียกร้องให้ผู้บังคับบัญชาของผู้กระทำผิดในระดับต่างๆ แสดงความรับผิดชอบต่อสังคม โดยประเด็นการทุจริตดังกล่าวเป็นประเด็นที่สร้างความกังวล และเคลือบแคลงสงสัยต่อสาธารณชน

การเคลื่อนไหวในด้านมวลชนแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) อย่างนายจตุพร พรหมพันธ์ุ และนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นัดหมายที่จะเดินทางไปอุทยานราชภักดิ์ เมื่อ 30 พฤศจิกายน ก่อนถูกทหารควบคุมตัวที่สมุทรสาคร

จากนั้นเป็นคิวของกลุ่มประชาธิปไตยใหม่จัดกิจกรรมนั่งรถไฟไปอุทยานราชภักดิ์ ส่องแสงหากลโกง เมื่อวันที่ 7 ธันวาคมที่ผ่านมา และถูกทหารควบคุมตัวที่สถานีบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี

“ทั้ง 2 กรณีพวกเขารู้อยู่แล้วว่าทหารคงไม่อนุญาตให้เดินทางไป ถึงได้ประกาศทุกอย่างต่อสาธารณะ เพื่อให้ทหารเข้าสกัด อีกอย่างการถูกทหารควบคุมตัวไปนั้นไม่นานก็ปล่อยตัวมา เขาเดินเกมนี้เพื่อให้เป็นข่าวออกมาเท่านั้น ผลที่ได้ถือว่าคุ้มค่า”

โดยเฉพาะกรณีหลังที่ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มนักศึกษา โดยในวันเดียวกันนายมาร์ค เคนท์ เอกอัครราชทูตสหราชอาณาจักรประจำประเทศไทย ได้ทวีตข้อความผ่านทวิตเตอร์ @KentBKK โดยเป็นการรีทวีตเหตุการณ์ทหารจับกุมนักศึกษาที่เดินทางไปอุทยานราชภักดิ์ ว่า “ผมเคยหวังไว้ว่า การที่รัฐบาลอนุญาตให้มีการชุมนุมหน้าสถานทูตสหรัฐฯ ถึง 200 คนนั้น อาจแสดงให้เห็นถึงการผ่อนคลายมาตรการจำกัดเสรีภาพในการชุมนุมเสียอีก”

รุ่งขึ้น 8 ธันวาคม 2558 นางแชมพา พาเทล ผู้อำนวยการสำนักงานภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และแปซิฟิก แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล กล่าวถึงการจับกุมตัวนักศึกษากลุ่มขบวนการประชาธิปไตยศึกษาและประชาชนระหว่างเดินทางด้วยรถไฟไปอุทยานราชภักดิ์ว่าเป็นมาตรการที่รุนแรงและขาดหลักการโดยสิ้นเชิง เป็นการแสดงให้เห็นว่ามีความจำเป็นต้องยกเลิกการใช้อำนาจควบคุมตัวบุคคลโดยพลการของกองทัพเพราะได้ใช้อำนาจดังกล่าวมาเพื่อคุกคามและเอาผิดทางอาญากับผู้แสดงความเห็นต่างอย่างสงบ

ตอนนี้มีทั้งตัวบุคคลและหน่วยงานต่างชาติเข้ามาท้วงติงการทำงานของรัฐบาลมากขึ้น อย่างก่อนหน้านี้ก็มีกรณีที่รัฐสภายุโรปเชิญนางสาวยิ่งลักษณ์ ไปแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์ในประเทศไทย ณ กรุงบรัสเซลส์ แต่ไม่ได้รับอนุญาตจากทาง คสช.

รวมไปถึงนายกลิน ทาวน์เซนต์ เดวีส์ เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกา ประจำประเทศไทย ได้กล่าวในเวทีเสวนาที่สโมสรผู้สื่อข่าวต่างประเทศเมื่อ 25 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ที่กล่าวถึงกฎหมายอาญา มาตรา 112 เป็นกฎหมายที่ขัดขวางเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นของประชาชน การแสดงความคิดเห็นอย่างสันติไม่ควรถูกจำคุก และศาลไทยยังได้พิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยด้วยความรุนแรงยาวนานเกินไป
นายสิรวิชญ์ เสรีวิวัฒน์ หรือจ่านิว สมาชิกกลุ่มประชาธิปไตยศึกษา ถูกทหารควบคุมตัวเมื่อ 7 ธันวาคม 2558
ปลุกกระแส-แต่ไม่ขึ้น

ขณะเดียวกันเพื่อไทยก็ยังออกโรงเรื่องของการร่างรัฐธรรมนูญ ที่ลิดรอนสิทธิและโอกาสในการได้ชัยชนะของพรรคการเมือง โดยใช้อดีต ส.ส.ของพรรคเป็นตัวขับเคลื่อน ล่าสุดคือการยื่นจดหมายเปิดผนึก รวมไปถึงความพยายามในการปลุกกระแสเรื่องเศรษฐกิจว่านับตั้งแต่มีการเข้ายึดอำนาจจนคณะนายทหารเข้ามาเป็นรัฐบาลนั้นเศรษฐกิจของประเทศไม่ได้ดีขึ้น เกิดปัญหาเรื่องปากท้องของประชาชน หรือถ้ามีเรื่องของยิ่งลักษณ์เข้ามาก็จะออกมาตอบโต้ในเรื่องนี้ด้วย

“ยิ่งมีเรื่องของอุทยานราชภักดิ์ตอนนี้ทางพรรคเลยให้น้ำหนักเรื่องนี้มากขึ้น เพราะถือว่าเป็นจุดอ่อนที่สุดของรัฐบาล มาด้วยภาพไม่เอาคอร์รัปชัน แต่กลับพบการคอร์รัปชันในรัฐบาลนี้เสียเอง เป้าหมายคงไม่ได้ถึงขนาดที่รัฐบาลนี้ต้องล้มไป แต่เป็นการเก็บแต้มเรื่อยๆ หากกระแสนี้จุดติดเป็นวงกว้างอำนาจการต่อรองของพรรคเพื่อไทยก็จะมีมากขึ้น”

ตบท้ายด้วยพลเอกชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ออกมาขย่ม คสช. อีกแรง ต่อการทำหน้าที่ของ คสช.ว่า การบริหารประเทศหลังยึดอำนาจมาประมาณ 1 ปีครึ่ง ขณะนี้มีความทุกข์ยากเกิดขึ้นทั่วแผ่นดิน

เชื่อว่าทางเพื่อไทยก็ทราบดีว่า แม้รัฐบาลจะแพ้ภัยตัวเอง แต่โอกาสกลับมาของคนในตระกูลชินวัตรก็เหลือน้อยเต็มที ด้านหนึ่งคือเรื่องของคดีความที่ตอนนี้เป็นคดีอาญา ยิ่งลักษณ์ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองไปแล้ว 5 ปี คนในตระกูลอย่างพานทองแท้ก็อาจจะโดนคดีปล่อยกู้ของธนาคารกรุงไทย ที่สำคัญคนชนชั้นกลางแม้จะมีราว 30% แต่มีพลังในการขับเคลื่อนสูงคงไม่ยอมรับ เป้าหมายที่ใกล้ที่สุดคือให้รัฐบาลนี้พ้นจากอำนาจไปโดยเร็ว เพื่อประโยชน์ในด้านคดีความต่างๆ

ส่วนความต้องการในการปลุกกระแสคนเสื้อแดงหรือผู้ที่ชื่นชอบพรรคเพื่อไทยนั้น คงทำได้แค่ระดับหนึ่ง ส่วนจะให้ออกมาร่วมเคลื่อนไหวเหมือนครั้งที่ผ่านมาคงยาก เพื่อไทยก็รู้ดี ดังนั้นกิจกรรมที่เดินเครื่องในเวลานี้จึงเป็นการเลี้ยงกระแสไว้ ด้วยความหวังว่าเมื่อมีการเลือกตั้งครั้งต่อไปฐานเสียงเหล่านี้จะกลับมาเลือกพรรคเพื่อไทยอีกครั้ง

เช่นเดียวกับแหล่งข่าวด้านความมั่นคงที่เป็นห่วงสถานการณ์ในขณะนี้ว่า เมื่อมีแผลเกิดขึ้นกับรัฐบาล แน่นอนว่าฝ่ายตรงข้ามคงต้องใช้จังหวะนี้รุกให้ได้มากที่สุด หากรัฐบาลไม่เร่งสร้างความกระจ่างหรือดำเนินการยุติปัญหานี้อย่างจริงจัง เวลาในการบริหารประเทศของรัฐบาลนี้ย่อมจะเหลือน้อยลง เพราะศรัทธาที่เคยมีนั้นเสียไป จึงไม่อยากให้การตัดสินใจเมื่อ 22 พฤษภาคม 2557 เป็นการกระทำที่สูญเปล่า

กำลังโหลดความคิดเห็น