xs
xsm
sm
md
lg

เพื่อไทยชี้กองทัพตัวอยู่กับแม้ว แต่ใจหนุน “กปปส.”-จ้องปฏิวัติ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

แถลงการณ์ 7 ข้อของกองทัพยังคลุมสถานการณ์ชุมนุมที่ยืดเยื้อ แม้กำนันสุเทพประกาศปิดเกมไม่เกิน 26 พฤษภาคมนี้ หลังผลหารือวุฒิฯ เหลว ฝ่ายความมั่นคงประเมินนัยไม่เป็นผลดีกับเสื้อแดงและรัฐบาล ด้านเพื่อไทยชี้ทหารตัวอยู่กับรัฐบาลใจอยู่กับฝ่ายอีกฝ่าย เชื่อปฏิวัติแน่

หลังจากผลการหารือเพื่อหาทางออกให้กับประเทศของสมาชิกวุฒิสภาเมื่อ 16 พฤษภาคม 2557 ที่ไม่สามารถหาคำตอบให้กับวิกฤตของประเทศได้ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. ได้หารือกับแกนนำของ กปปส.จังหวัดต่างๆ และกำหนดแนวทางในการเคลื่อนไหว โดย 19-21 พฤษภาคมจะเรียกร้องให้นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล ผู้ปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีลาออก และ 22 พฤษภาคมเรียกร้องให้ข้าราชการร่วมหารือ ขณะที่มติของสมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ หรือ สรส. นัดหยุดงาน ตั้งแต่วันที่ 22 พฤษภาคมนี้เป็นต้นไป ส่วน 23-26 พฤษภาคม จะเคลื่อนไหวใหญ่ครั้งสุดท้าย หากไม่ชนะในวันที่ 27 พฤษภาคมจะเข้ามอบตัว

นับเป็นการทิ้งไพ่ใบสุดท้ายวัดใจกันว่าสถานการณ์ทางการเมืองที่ยืดเยื้อมาจนถึงเดือนที่ 7 นั้น สุดท้ายจะจบลงอย่างไร

โดยที่ก่อนหน้านี้พันเอกวินธัย สุวารี รองโฆษกกองทัพบก ออกมาอ่านคำแถลงการณ์ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ผ่านทางสถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 เมื่อ 15 พฤษภาคม 2557 แถลงการณ์ดังกล่าวมีทั้งหมด 7 ข้อ โดยหนึ่งในนั้นคือการกล่าวถึงทหารอาจจำเป็นต้องออกมาระงับเหตุ หากมีการใช้ความรุนแรงด้วยอาวุธสงครามกับประชาชนผู้บริสุทธิ์ รวมไปถึงหากมีแนวโน้มจลาจล จำเป็นที่ต้องใช้กำลังทหารเข้ามาคลี่คลายสถานการณ์

นี่ถือเป็นคำประกาศที่ชัดเจนที่สุดจากฝ่ายกองทัพ หลังจากที่มีเสียงเรียกร้องให้ทหารเข้ามาช่วยยุติปัญหาของบ้านเมืองที่ยืดเยื้อมานาน

แถลงการณ์ดังกล่าวนับได้ว่าเป็นมิติที่น่าสนใจอย่างยิ่ง เนื่องจากออกมาภายหลังจากที่ศาลอาญาอนุมัติหมายจับ 30 แกนนำ กปปส.ในข้อหากบฏ เมื่อ 14 พฤษภาคม โดยในคืนวันดังกล่าวต่อเนื่องถึงเช้าวันที่ 15 พฤษภาคม เกิดเหตุลอบยิงผู้ชุมนุม กปปส.ที่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยจนมีผู้เสียชีวิต 3 รายและบาดเจ็บอีกจำนวนหนึ่ง โดยหนึ่งในแถลงการณ์ของพลเอกประยุทธ์กล่าวถึงเหตุการณ์ดังกล่าวไว้ด้วย

ขณะเดียวกันในวันที่กองทัพบกออกแถลงการณ์นั้นได้เกิดเหตุจับกุมนายอิฐบูรณ์ อ้นวงษา แกนนำ คปท. ถัดมา 16 พฤษภาคมมีการจับกุมนายสมบัติ ธำรงธัญวงศ์ หนึ่งในแกนนำ กปปส. และมีความพยายามจับตัวนายสาธิต เซกัล นักธุรกิจเชื้อสายอินเดียที่เข้ามาร่วมชุมนุมกับ กปปส. ซึ่งในวันนั้นวุฒิสภาได้แถลงผลหารือในการหาทางออกให้กับประเทศ หลังจากร่วมหารือกับฝ่ายต่างๆ มาตลอดทั้งสัปดาห์

อีกทั้งยังสอดรับกับการนัดชุมนุมใหญ่ของคนเสื้อแดงที่ปักหลักบนถนนอักษะ ย่านพุทธมณฑล ที่ระดมพล 17-19 พฤษภาคมนี้ เช่นเดียวกับกลุ่ม กปปส.ที่นัดหารือแกนนำในแต่ละจังหวัดเพื่อกำหนดท่าทีการเคลื่อนไหวต่อไป หลังจากการหาทางออกประเทศของวุฒิสภาไม่มีอะไรเป็นรูปธรรม

แถลงการณ์ของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบกที่ออกมาในห้วงเวลาดังกล่าว จึงถือได้ว่ามีนัยสำคัญต่อสถานการณ์ทางการเมืองที่กำลังใกล้ถึงจุดแตกหักในขณะนี้

แม้ว่าการต่อสู้ของทั้งสองฝ่ายจะยืดระยะเวลาออกไปจากกำหนดเดิมที่ 17-19 พฤษภาคม มาเป็นช่วง 19-26 พฤษภาคมแทน แต่ถึงอย่างไรแถลงการณ์ที่ผู้บัญชาการทหารบกได้ออกมาก่อนหน้านี้ก็ยังครอบคลุมกับสถานการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้น
พ.อ.วินธัย สุวารี รองโฆษกกองทัพบก อ่านคำแถลงของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก
ทหารหนุนอ้อมๆ

แหล่งข่าวด้านความมั่นคงกล่าวว่า การออกแถลงการณ์ของกองทัพนั้นถือเป็นช่วงจังหวะเวลาที่พอดีกับสถานการณ์ในเวลานี้ ก่อนหน้านี้ประชาชนฝากความหวังไว้กับทหารที่จะช่วยเข้ามาคลี่คลายสถานการณ์มาโดยตลอด แต่ทหารไม่มีท่าทีที่ชัดเจน ครั้งนี้จึงเท่ากับว่าทหารตอบรับมาในระดับหนึ่ง

ประการต่อมาภายใต้แถลงการณ์นั้นมีเรื่องของการให้คำมั่นสัญญาจากฝ่ายทหาร ที่ระบุว่าหากเกิดเหตุการณ์ที่มีการใช้อาวุธสงครามทำร้ายประชาชน หรือมีแนวโน้มที่จะเกิดจลาจล ทหารจำเป็นต้องใช้กำลังออกมาระงับเหตุ

แม้ทหารจะไม่ระบุว่าจะออกมาปกป้องฝ่ายใด แต่ก็เป็นที่ทราบกันดีว่าฝ่ายที่ใช้อาวุธเป็นฝ่ายใด เหตุใดการลอบยิง M 79 จึงโดนเฉพาะฝ่ายที่ต่อต้านรัฐบาล เปรียบเทียบกับอีกเวทีที่สนับสนุนรัฐบาล กลับไม่พบว่าจะมีใครไปลอบทำร้ายผู้ชุมนุมในเวทีนั้น หรือแถลงการณ์ข้อแรกที่ขอเป็นกำลังใจให้ทุกพวกทุกฝ่ายที่กำลังดำเนินการแก้ไขปัญหาของชาติบ้านเมือง เพื่อนำประเทศชาติไปสู่ความสงบเรียบร้อย ทั้งด้วยวิธีการทางกฎหมายก็ดี หรือการพูดคุยเจรจาก็ดี หรือสันติวิธีอื่นๆ

นี่ก็ชัดเจนว่าทหารสนับสนุนแนวทางที่สมาชิกวุฒิสภาได้ดำเนินการเพื่อหาทางออกประเทศในช่วงที่ผ่านมา แม้ว่าจะไม่ได้ข้อสรุปที่ชัดเจนก็ตาม ซึ่งถือว่าเป็นวิธีการบอกอ้อมๆ ในระดับหนึ่งว่าทหารในเวลานี้คิดอย่างไร และการเลือกที่จะสนับสนุนแนวทางของวุฒิสภานั้นย่อมทำให้ภาพลักษณ์ของทหารไม่ได้เสียหาย เพราะไม่ได้เลือกข้างว่าจะยืนอยู่กับฝ่าย กปปส.หรือกลุ่ม นปช. เรื่องนี้ไม่ต้องบอกให้ชัดก็ตีความได้ว่าทหารมีท่าทีอย่างไร

แถลงการณ์นี้ถือได้ว่าเป็นไปในเชิงลบกับกลุ่มคนเสื้อแดงและรัฐบาล ซึ่งเป็นการป้องปรามคนกลุ่มนี้ว่าอย่าทำอะไรที่เกินเลยทั้งเรื่องอาวุธสงคราม ที่ฝ่าย กปปส.เป็นฝ่ายที่ถูกไล่ล่าเพียงฝ่ายเดียวและต้องไม่ทำให้สถานการณ์เคลื่อนไปสู่การเผชิญหน้าของมวลชนทั้ง 2 ฝ่าย

โดยส่วนตัวแล้วคิดว่าทหารแสดงบทบาทนี้ช้าไปด้วยซ้ำ แต่ก็ยังดีที่ออกมาในช่วงเวลานี้ เชื่อว่าฝ่ายกองทัพรอให้สถานการณ์ต่างๆ สุกงอม เพื่อลดการตำหนิจากฝ่ายตรงข้ามรวมไปถึงสายตาของต่างชาติ หากเกิดเหตุการณ์ที่ส่อเค้าความรุนแรงจริงๆ ทหารก็ใช้กฎอัยการศึกเข้ามาระงับเหตุ ซึ่งกระทำได้ตามกฎหมายในนามของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) เนื่องจากวันนี้ไม่มีตัวผู้อำนวยการคือนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ทหารโดยพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะรองผู้อำนวยการสามารถตัดสินใจได้ทันที

ถึงเวลานั้นการตัดสินใจของทหารเพื่อเข้าระงับเหตุจึงกลายเป็นความชอบธรรมที่ฝ่ายไหนก็ยากที่จะโต้แย้งได้

แม้หากทหารดำเนินการดังกล่าวจะถูกฝ่าย นปช.และคนเสื้อแดงออกมาต่อต้านเหมือนปี 2553 แต่สถานการณ์ในเวลานี้กับปี 2553 มีความแตกต่างกันอยู่ไม่น้อย นาทีนี้ทหารรู้ความเคลื่อนไหวทุกอย่าง อีกทั้งเสื้อแดงหลายคนที่เคยร่วมชุมนุมในปี 2553 จำนวนไม่น้อยถูกดำเนินคดีโดยที่ไม่มีแกนนำเสื้อแดงหรือฝ่ายรัฐบาลเข้ามาให้ความช่วยเหลือ เสื้อแดงจำนวนหนึ่งทราบถึงพิษร้ายของนโยบายประชานิยมทั้ง 300 บาทที่บางคนต้องตกงาน ทราบถึงปัญหาค่าครองชีพที่แพงขึ้นทุกขณะ และที่จำไม่ลืมคือการที่รัฐบาลค้างเงินค่าจำนำข้าวกับชาวนา

“เชื่อว่าเมื่อวุฒิสภายังไม่สามารถหาทางออกให้กับประเทศได้ อาจจะทำให้สถานการณ์ทางการเมืองยืดเยื้อออกไปอีก แต่คงไม่นาน เพราะเมื่อถึงจุดหนึ่งทุกอย่างจะถูกบีบให้คุณทักษิณต้องตัดสินใจว่าจะเลือกเสียหายแค่นี้หรือต้องการเสียหายมากกว่านี้ และถ้าทหารออกมาดำเนินการยุติปัญหานั่นหมายความว่าโอกาสต่อรองของคุณทักษิณยิ่งจะเหลือน้อยลงหรืออาจต้องเสียหายทั้งหมด”
นายไพจิต ศรีวรขาน แกนนำกลุ่มอีสานพัฒนา พรรคเพื่อไทย
เพื่อไทยฟันธงทหารปฏิวัติแน่

นายไพจิต ศรีวรขาน แกนนำกลุ่มอีสานพัฒนา พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า สถานการณ์การเมืองในขณะนี้ มองจากความเคลื่อนไหวของสมาชิกวุฒิสภากำลังไม่ยึดรัฐธรรมนูญและเป็นพวกเดียวกับนายสุเทพ ดังนั้นถือว่าการกระทำของ ส.ว.และข้อเสนอของส.ว.ทั้ง 3 ข้อ เป็นสิ่งที่ทำลายประชาธิปไตย และจะมีการเสนอนายกฯ ที่ไม่ได้มาจากกระบวนการประชาธิปไตย

“มีการเห็นดีเห็นงามยกย่องให้เกียรติสุเทพ สะท้อนให้เห็นว่ามีการสมคบคิดกันแน่นอน โดยเฉพาะนายสุรชัยที่เป็นตัวการร่างรัฐธรรมนูญ ปี 50 มาก่อนก็สะท้อนให้เห็นว่าเป็นคนที่เวลาอยากได้อะไรก็จะทำให้พวกพ้องได้หมด”

ขณะที่ความเคลื่อนไหวของทหาร โดยเฉพาะการที่พลเอกประยุทธ์ส่งสัญญาณออกมา 7 ข้อนั้น เป็นสิ่งที่ชัดเจนว่าเวลานี้ทหารมีตัวอยู่กับรัฐบาล แต่ใจไปอยู่กับ กปปส.แล้ว

“ตัวของทหารอยู่กับรัฐบาล แต่ใจของทหารกำลังอยู่อีกฝั่งหนึ่ง หาทางปฏิวัติ ไม่ว่าจะปฏิวัติเงียบหรือปฏิวัติตรงๆ แต่สุดท้ายจะนำไปสู่การปฏิวัติแน่นอน”

ประเมินแล้วหนีไม่พ้นการปฏิวัติ!

เพราะกระบวนการเสนอนายกฯ ของ ส.ว. ไม่ง่ายนัก เพราะจะทำได้แค่เสนอรายชื่อ แต่ไม่มีการโปรดเกล้าฯ ลงมาแน่ ที่สุดแล้วจุดจบของศึกการต่อสู้จึงมีโอกาสปฏิวัติมากกว่าอย่างอื่น

“เราเชื่อแล้วว่าจะต้องมีการปฏิวัติแน่ แต่จะรุนแรงมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับสถานการณ์ไม่มีสูตรสำเร็จ ซึ่งเราก็รออยู่”

ที่สำคัญประเมินแล้ว 4 วันต่อจากนี้ไปคือวันอันตรายที่สุด

“ตอนนี้พรรคเพื่อไทยกำลังระดมกำลังมวลชนเข้ามาที่ถนนอักษะเพิ่ม โดยเฉพาะในวันเสาร์อาทิตย์นี้ เพราะคาดว่าจะมีการปฏิวัติ เสาร์ อาทิตย์ หรือจันทร์ อังคารนี้ การระดมคนเพิ่มเป็นการบอกว่าประชาชนไม่เอาการปฏิวัติมีมากเพียงใด และการที่มวลชนมีจำนวนมากขึ้น เชื่อว่าการปฏิวัติโดยการปราบประชาชนจะทำได้ยากขึ้น เพราะคนเยอะ”

อย่างไรก็ดี เมื่อไรที่มีการปฏิวัติ เมื่อนั้นมีสิทธิที่คนต่างจังหวัดจะเดินหน้าหาพื้นที่ของตัวเองด้วยการแยกประเทศ

“พอมีปฏิวัติ ประชาชนจะไม่เห็นด้วย ประชาชนจะไม่ยอมรับนายกฯ ที่มาจากการปฏิวัติ ไปตรวจราชการต่างจังหวัดก็จะไม่ได้ บริหารประเทศก็จะไม่ได้ กฎหมายก็จะบังคับไม่ได้ บ้านเมืองจะปั่นป่วนมาก”

บางคนก็จะมีการแสวงหาการอยู่เย็น เป็นสิทธิที่เขาจะหาพื้นที่หายใจ เพราะรับไม่ได้กับการถูกกดขี่อีกต่อไป

โอกาสแยกประเทศจึงมีมาก พร้อมกับเชื่อว่าต่างประเทศจะไม่เห็นด้วยกับรัฐบาลที่มาจากการปฏิวัติ ดังนั้นต่างประเทศจะบีบประเทศไทยจนต้องกลับเข้ามาสู่กระบวนการทางประชาธิปไตย

เสาร์ อาทิตย์นี้จะมีการระดมคนมากขึ้นที่อักษะแล้ว นายไพจิตกล่าวว่า เมื่อไรที่วุฒิสภาเสนอชื่อนายกฯ ที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง คนเสื้อแดงจะยิ่งระดมพลมาให้มากขึ้นอีก

เชื่อแน่ว่า ทหารคงจะปฏิวัติในช่วงเวลาดังกล่าว!

กำลังโหลดความคิดเห็น