ยะลา - สะเทือนวงการผ้าเหลือง! ผู้ปกครองสงฆ์ตั้งคณะกรรมการสอบวินัยพระสงฆ์ฉาวแอบพาสาวเข้าม่านรูด เจ้าตัวออกโรงบอกถูกกลั่นแกล้ง ด้าน ผอ.สำนักพุทธเผยรอยืนยันคำวินิจฉัยตรวจสอบ และการสอบปากคำลูกศิษย์วัดที่ยืมรถไปใช้
จากกรณีที่มีพระรูปหนึ่ง ระดับรักษาการรองเจ้าอาวาส จำวัดแห่งหนึ่งในเขตเทศบาลนครยะลา ได้ถูกกล่าวหาโดยการแพร่ภาพผ่านสื่อออนไลน์ พร้อมข้อความแชตของพระขอซื้อบริการจากผู้หญิง และภาพรถที่จอดอยู่ในโรงแรมม่านรูด อีกทั้งคลิปผู้หญิงนอนห่มจีวรบนเตียงในกุฏิ ขณะที่พระออกโรงโต้เรื่องทั้งหมดไม่เป็นความจริง คาดถูกกลั่นแกล้งนั้น
ล่าสุด วันนี้ (3 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่พบกับ นางอมร สะอาด ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดยะลา เพื่อติดตามความคืบหน้าในเรื่องนี้ โดยได้มีการเปิดเผยข้อมูลในเรื่องดังกล่าว ซึ่งขณะนี้ทางผู้ปกครองสงฆ์ในจังหวัดยะลา นำโดย พระเทพวชิรนายก เจ้าคณะจังหวัดยะลา/เจ้าอาวาสวัดเวฬุวัน ได้ตั้งคณะกรรมการสงฆ์ประชุมเพื่อดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องดังกล่าวเป็นการด่วนแล้ว
นางอมร สะอาด ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดยะลา เปิดเผยว่า ขณะนี้ทางคณะสงฆ์ได้ดำเนินการตั้งแต่วันแรกที่รับทราบเรื่องที่เกิดขึ้น ตามสื่อโซเชียลต่างๆ ที่ปรากฏ โดยได้แต่งตั้งคณะกรรมการสงฆ์เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง พร้อมลงพื้นที่พูดคุยกับทางเจ้าอาวาสของวัดที่พระสงฆ์รูปนี้จำวัดอยู่ พร้อมทั้งการแจ้งความลงบันทึกประจำวัน เพื่อนำหลักฐานขอดูกล้องวงจรปิดกับทางรีสอร์ตที่กล่าวอ้างถึง
จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดปรากฏภาพรถยนต์คันดังกล่าวในช่วงประมาณเที่ยงคืน ขับเข้าไปในรีสอร์ตจริง แต่พอถึงที่พักไม่สามารถมองเห็นบุคคลที่ลงจากรถได้ จึงไม่สามารถระบุตัวตนได้ จากการสอบถามพระสงฆ์ที่ถูกกล่าวหาได้ให้ข้อมูลว่า ลูกศิษย์เป็นคนยืมรถไปในคืนดังกล่าว ขณะนี้ทางคณะสงฆ์ได้มีการติดต่อกับลูกศิษย์ที่พระสงฆ์ให้ข้อมูล เพื่อมาสอบถามถึงข้อเท็จจริงที่ชัดเจนอีกครั้งหนึ่ง ทางคณะสงฆ์พยายามที่จะหาข้อมูล พยานหลักฐาน พยานบุคคล เพื่อให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย
ส่วนเรื่องของข้อความที่มีการแชตของพระสงฆ์กับผู้หญิงดังกล่าวนั้น ทางสำนักพุทธได้ดูข้อความแล้ว ซึ่งพระสงฆ์ที่ถูกกล่าวอ้างตอบว่าเป็นการสร้างแชตปลอมขึ้นมา โดยผู้ที่ไม่หวังดีมีการใช้ชื่อที่แตกต่างกัน ขณะนี้ทางคณะสงฆ์พยายามเร่งดำเนินการให้เร็วที่สุดในการตรวจสอบทั้งพยาน หลักฐานที่ชัดเจน เพื่อตอบคำถามให้สังคมได้กระจ่าง ซึ่งขอเวลาในการตรวจสอบ
ส่วนกรณีคลิปวิดีโอที่มีผู้หญิงคนหนึ่งนอนอยู่บนเตียง และใช้ผ้าจีวรพระห่มร่างกายอยู่ในกุฏิพระสงฆ์ โดยพระรูปดังกล่าว และผู้หญิงที่อยู่ในคลิปต่างให้คำตอบว่าเป็นการเล่นกันกับสามเณร ขณะที่สามเณรเข้าไปในกุฏิดังกล่าว เพื่อเปลี่ยนผ้าจีวรให้เณร โดยบอกเพียงว่าไม่รู้จักกับบุคคลที่ถ่ายคลิป และไม่ทราบวัตถุประสงค์ว่าต้องการอะไร
ขณะที่ภาพจากในคลิปนั้นจะได้ยินเสียงคนพูดถามว่า ทำไมมานอนตรงนี้ และผู้หญิงที่นอนก็ตอบว่าปวดหัว ลุกไม่ไหว ซึ่งต่างขัดแย้งกับคำตอบที่ให้สัมภาษณ์กับสื่อ โดยพฤติกรรมดังกล่าว ชาวพุทธต่างเห็นว่าเป็นความไม่เหมาะสมในข้อปฏิบัติของสงฆ์ ซึ่งจะมีข้อวินิจฉัยอย่างไรขอให้เป็นมติของคณะสงฆ์
ขณะเดียวกัน กรณีมีผู้ร้องเรียนเรื่องที่รถยนต์เก๋งของพระรูปดังกล่าวไปจอดอยู่ในรีสอร์ตแห่งหนึ่งในเมืองยะลานั้น ทางพระสงฆ์ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อว่า ลูกศิษย์วัดนำรถไปรับแฟน แต่แฟนกลับบอกว่าจะมารับตนจริง แต่คืนนั้นแฟน (ลูกศิษย์วัด) ได้ไปรับหญิงอื่นที่ไม่ใช่ตนไปรีสอร์ต แต่ทางผู้เสียหายที่ได้มีแชตทางไลน์คุยกลับพระ ยืนยันว่าคืนนั้นเป็นพระรูปดังกล่าวจริง และพยายามก่อเหตุจับตนเองกดลงบนเตียง พยายามใช้เชือกมัดมือ และได้ตะโกนเรียกผู้หญิงที่แอบอยู่ในห้องน้ำ ซึ่งผู้เสียหายเพิ่งทราบตอนนั้นว่ามีผู้หญิงอีกคนอยู่ในห้องน้ำ โดยได้เรียกชื่อ “ดาว” ให้มาช่วย แต่ตนเองดิ้นหลุด และวิ่งออกมานอกห้อง โดยได้บอกกับผู้ชายคนดังกล่าวว่าจะตะโกนให้คนช่วย ผู้ชายคนนั้นจึงได้หยุดการกระทำ ผู้เสียหายจึงโทรศัพท์ให้เพื่อนมารับ โดยก่อนจะออกไปจากรีสอร์ตได้ถ่ายรูปรถเก๋งสีขาวที่จอดอยู่ในรีสอร์ตไว้เป็นหลักฐานเพียงแค่นั้น
โดยล่าสุดทราบว่าผู้หญิงที่ประสบเหตุได้หลบหนีออกไปจากจังหวัดยะลาแล้ว โดยบอกว่ากลัวความไม่ปลอดภัย เนื่องจากพระรูปดังกล่าวเป็นที่รู้จักนับหน้าถือตาของคนในพื้นที่ นอกจากนี้ ยังมีบุคคลต้องสงสัยที่พยายามส่งข้อความ และโทร.ไปข่มขู่ผู้ที่ให้ข้อมูล โดยทำเป็นสอบถามข้อมูลบ้าง ถามว่ารับงานจริงไหมบ้าง จึงทำให้ขณะนี้ผู้เสียหายต้องหนีออกจากพื้นที่เพื่อความปลอดภัย โดยหวังเพียงให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หรือตำรวจได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างตรงไปตรงมา และเอาความจริงให้สังคมรับรู้
ขณะที่มีข้อมูลจากคนที่ใกล้ชิดในวัด บอกว่า หลวงพี่รูปดังกล่าวเป็นผู้จัดการดำเนินการเรื่องทุกอย่างในวัด รวมถึงการควบคุมดูแลระบบกล้องวงจรปิดในวัด ถือกุญแจรถไว้รูปเดียว โดยคนอื่นไม่เกี่ยวข้อง จึงมีความเป็นไปได้ว่าอาจจะไม่พบพยานหลักฐานสำคัญ อย่างไรก็ตาม จากเหตุการณ์ดังกล่าวต้องรอการสอบถามข้อเท็จจริงจากลูกศิษย์ที่ยืมรถไปในวันดังกล่าวว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร