xs
xsm
sm
md
lg

หากยังเดินตามเกม 'บีอาร์เอ็น' ถมงบฯ อีกกี่แสนล้านบาทคิดจะดับ "ไฟใต้" ก็สูญเปล่า

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

คอลัมน์ : จุดคบไฟใต้
โดย... ไชยยงค์ มณีพิลึก


สถานการณ์จังหวัดชายแดนภาคใต้ยังถูกโฟกัสอยู่ในพื้นที่ จ.ปัตตานี ยะลา นราธิวาส และ 4 อำเภอของ จ.สงขลา ได้แก่ อ.จะนะ เทพา นาทวี และสะบ้าย้อย ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมาคงเป็นคำตอบชัดเจนแล้วว่า “ไฟใต้” ยังลุกโชนต่อไป เพราะหน่วยงานความมั่นคงยังติดอยู่ในกับดักของ “บีอาร์เอ็น

2564 เป็นอีกปีที่ขบวนการแบ่งแยกดินแดนได้รับความสูญเสียด้านกำลังพลจำนวนมาก เฉพาะที่เจ้าหน้าที่วิสามัญฯ จากการปิดล้อมตรวจค้นโดย กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้าก็กว่า 20 ราย ทั้งในบริเวณบ้านหรือป่าเขา ซึ่งเป็นที่น่าสังเกตว่า ต่างเลือกที่จะพลีชีพแบบสู้ตาย ทั้งที่มีการเปิดโอกาสให้มอบตัวเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมแล้ว

หลัง “ยุทธการฮูแตยือลอ” ที่ ต.บาเระใต้ อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส ต้นเดือน ต.ค. ที่เจ้าหน้าที่รัฐต้องใช้เวลาถึง 12 วันจึงวิสามัญฯ กลุ่มกองกำลังได้ 6 ศพ นำมาสู่ความหวาดหวั่นว่า ฝ่ายบีอาร์เอ็นอาจจะเอาคืนด้วยการทำร้ายประชาชนผู้บริสุทธิ์ที่เป็นเป้าหมายอ่อนแอ โดยเฉพาะห้วงวันสัญลักษณ์สำคัญต่างๆ

ที่ผ่านมา กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ก็ควบคุมสถานการณ์ได้ดีในระดับหนึ่ง เพราะถ้าไม่มีเหตุการณ์อะไรเลยเกิดขึ้นต่างหาก นั่นจึงเป็นเรื่องผิดปกติที่ต้องระมัดระวัง

แต่แล้วช่วง พล.อ.สุพจน์ มาลานิยม เลขาธิการ สมช.คนใหม่ ที่เพิ่งรับตำแหน่งเพียง 1 เดือน ลงพื้นที่ร่วมประชุมกับฝ่ายความมั่นคงและฝ่ายพลเรือนครั้งแรกเมื่อ 1 พ.ย. เสียงปืนและระเบิดก็ดังสนั่นหวั่นไหวในหลายจุด นั่นซึ่งอาจเป็นวงรอบการก่อเหตุหรือต้องการต้อนรับก็ไม่รู้ได้

การก่อเหตุร้าย ประกอบด้วยการลอบวางระเบิดตำรวจชุดสายตรวจ สภ.จะกั๊วะ อ.รามัน จ.ยะลา ลอบวางระเบิดทหารพรานที่ 48 บนถนนที่ อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส ลอบวางระเบิดและยิงถล่มรถยนต์ก่อนจุดไฟเผาที่ อ.สุคิริน จ.นราธิวาส ทุกเหตุการณ์โชคดีที่ไม่มีผู้เสียชีวิต มีเพียงผู้บาดเจ็บและสูญเสียทรัพย์สิน

เชื่อว่าจะไม่หยุดอยู่แค่นี้ เพราะล่าสุดฝ่ายการเมืองบีอาร์เอ็นได้ยกประวัติศาสตร์สงคราม 9 ทัพเมื่อปี 2328 แล้วอ้างว่า 11 พ.ย. คือวันที่ “ปัตตานี” ตกไปเป็นของ “สยาม” อย่างเป็นทางการ และมีข่าวว่าแกนนำบีอาร์เอ็นในมาเลเซียได้สั่งให้ละหมาดฮายัตมาตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย. 2564 เป็นต้นมา

นอกจากนี้ ฝ่ายทหารบีอาร์เอ็นก็ได้มีคำสั่งให้กองกำลังติดอาวุธยกระดับการปฏิบัติการด้วยความรุนแรง เพื่อแสดงศักยภาพ ซึ่งต้องติดตามดูว่าห้วง 2 เดือนสุดท้ายก่อนที่จะสิ้นปี 2564 นี้จะมีเหตุรายรายวันเกิดขึ้นอีกหรือไม่ อย่างไรแล้ว กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า จะมีมาตรการรับมืออย่างไร

สิ่งสำคัญที่อยากจะสื่อให้เห็นคือ พัฒนาการทั้งฝ่ายการเมืองและการทหารของบีอาร์เอ็นในชายแดนใต้ได้เปลี่ยนแปลงไปมาก จากที่เคยมุ่งเล่น “ใต้ดิน” วันนี้มีการ “เปิดหน้า” อย่างเปิดเผย

ในอดีตการสร้างนักรบหน้าใหม่ของบีอาร์เอ็นจะทำแบบ “ปิดลับ” ใช้ปอเนาะหรือตาดีกาเป็นแหล่งเพาะเรื่องราวประวัติศาสตร์ชาติพันธุ์และศาสนา แต่วันนี้ได้หันมาใช้วิธีการ “เปิดเผย” โดยใช้ห้องเรียนธรรมชาติหรือสถานที่เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ ชาติพันธุ์และศาสนา

อย่างการนำเยาวชนไปทัศนศึกษายังมัสยิดกรือเซะ วิทยากรจะเล่าเรื่องการก่อสร้างที่ไม่ลุล่วง คำสาปแซ่งและศาลเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยวที่ถูกนำมาเชื่อมโยงอย่างบิดเบือนประวัติศาสตร์ จนถึงเหตุการณ์ล้อมปราบและการฆ่าหมู่ที่เกิดขึ้นในมัสยิดแห่งนี้เมื่อ 17 ปีก่อน

หรือทุกสถานที่ที่มีประวัติศาสตร์การต่อสู้ เรื่องราวชาติพันธุ์หรือศาสนามักจะถูกนำไปบิดเบือน ไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์ดุซงญอ เหตุการณ์ตากใบ และอีกมากมาย ถึงวันนี้ขบวนการแบ่งแยกดินแดนไม่จำเป็นต้องใช้ “อุสตาส” เพื่อการบ่มเพาะแบบใต้ดินอีกต่อไป

พัฒนาการต่อมาคือการปิดล้อมและจบลงด้วยวิสามัญฯ ในอดีตนั้น ผู้ที่เข้าร่วมงานศพผู้ถูกวิสามัญฯ จะไม่กล้าเปิดตัว แต่ปัจจุบันนอกจากกลุ่มเยาวชนคนหนุ่มสาว รวมถึงคนในวงการต่างๆ เข้าร่วมในพิธีอย่างเปิดเผยแล้ว ยังแสดงออกซึ่งการยกย่องผู้ตายเยี่ยงวีรบุรุษ แห่ศพและตะโกนยกย่องผู้ตายอย่างยิ่งใหญ่เป็นภาพปรากฏไปทั่ว

ไม่เพียงเท่านั้นยังมีการตั้งกองทุนแล้วเปิดบัญชีรับบริจาคเงินเพื่อช่วยเหลือครอบครัวผู้ถูกวิสามัญฯ อย่างเปิดเผย ซึ่งในอดีตไม่เคยเกิดเหตุการณ์ในลักษณะนี้ขึ้นมาก่อน

นี่คือการพัฒนาการของขบวนการแบ่งแยกดินแดนที่ชื่อว่า "บีอาร์เอ็น" ซึ่งเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง และอาจจะเป็นแค่ตัวอย่างเล็กๆ ที่ยกมาให้เห็นเท่านั้น ซึ่งโดยข้อเท็จจริงยังมีปรากฏการณ์ที่น่าสนใจอีกมากมาย

ในส่วนฝ่ายการทหารของบีอาร์เอ็นจะเห็นความเปลี่ยนแปลงที่เป็นคุณประโยชน์ต่อการสร้างมวลชนให้แก่ขบวนการด้วย อย่างไม่ว่าจะสูญเสียกองกำลังไปเท่าไหร่ก็ไม่ตอบโต้หรือเอาคืนด้วยการกระทำต่อเป้าหมาย อ่อนแอ ไม่ว่าจะพระ ครูและประชาชนผู้บริสุทธิ์

แม้แต่การก่อเหตุวินาศกรรมของบีอาร์เอ็นก็หลีกเลี่ยงสถานที่สาธารณะ เช่น ตลาด ศูนย์การค้า เป็นต้น แต่หันไปเน้นทหาร ตำรวจ หรือกองกำลังติดอาวุธ อาทิ อส. ชรบ. ทหารพราน แม้จะลอบวางระเบิดในสวนยางหรือสวนผลไม้ก็ยังต้องเป็นของเจ้าหน้าที่รัฐหรือเป็นของกองกำลังท้องถิ่นติดอาวุธของรัฐ

การที่บีอาร์เอ็นทำให้กองกำลังติดอาวุธที่ถูกปิดล้อมยอมสละชีวิตได้กลายเป็น “จุดแข็ง” ที่เป็นประโยชน์ต่อการก้าวไปข้างหน้า

ประการแรกเป็นการทำลายกระบวนการสันติวิธีที่ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ใช้ชูธงแก้วิกฤต เพราะทุกครั้งที่ปิดล้อมจะเห็นภาพของการใช้ความรุนแรง มีการตายเลือดท่วมจอ สร้างความเจ็บปวดและคลั่งแค้นให้แก่ประชาชน โดยทางปีกการเมืองของบีอาร์เอ็นยังนำไปบิดเบือนเพื่อประโยชน์ของขบวนการได้ด้วย

นี่เป็นเพียงตัวอย่างจิ๊บๆ ที่แสดงให้เห็นว่าบีอาร์เอ็นปรับเปลี่ยนทั้ง “ยุทธศาสตร์” และ “ยุทธวิธี” เพื่อไปสู่จุดหมายที่ต้องการ บาง “ยุทธการ” ต้องการใช้หลอกลวงคนมุสลิมหลงให้เชื่อ นั่นก็ถือว่าทำได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่ง ซึ่งแม่ทัพนายกองต่างก็ยังคิดหาวิธีที่จะเอาชนะได้ยากนัก
แน่นอนความสูญเสียกำลังรบไม่ได้เป็นปัญหา แต่กลับเป็นคุณประโยชน์ให้บีอาร์เอ็นเอาเสียด้วย โดยเฉพาะด้านการแสวงหามวลชนในพื้นที่ และการสร้างภาพลักษณ์ต่อนานาชาติและสหประชาชาติ โดยเฉพาะโลกมุสลิม

ในมุมกลับได้กลายเป็นความสูญเสียของฝ่ายความมั่นคงไปเสียด้วยซ้ำ โดยผู้รับผิดชอบจะต้องหาทางแก้ไขโดยด่วน ไม่ใช่ถูกบีอาร์เอ็นกำหนดเกมให้เดินตามอย่างที่เกิดขึ้นมาต่อเนื่อง ซึ่งหากยังเป็นเช่นนี้ต่อให้รัฐไทยถมงบประมาณอีกกี่แสนล้านบาทก็เป็นการสูญเปล่ากับมาตรการดับไฟใต้นั่นเอง


กำลังโหลดความคิดเห็น