xs
xsm
sm
md
lg

ส่อคดีพลิก! ตร.สรุปสำนวนส่งฟ้อง “บ.เอกชน” ปลอมเอกสารฮั้วประมูล คดีรถซ่อมบำรุงทางอเนกประสงค์ “อบจ.สงขลา”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - โอละพ่อ! คดีรถซ่อมบำรุงทางอเนกประสงค์ของ “อบจ.สงขลา” ส่อเค้าคดีพลิก หลังตำรวจสรุปสำนวนส่งฟ้อง “บริษัทเอกชน” ปลอมเอกสารฮั้วประมูล

จากการที่องค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา ขอทราบผลคดีอาญา กรณีร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีต่อคนร้ายที่ปลอมลายมือชื่อ น.ส.ศศิธร ตั้งตรงคิด กรรมการบริษัท เอส พี เค ออโต้เทค จำกัด ไปขอซื้อ และรับแบบประมูลแจ้งประกวดราคา โครงการซื้อรถซ่อมบำรุงทางอเนกประสงค์ชนิด 10 ล้อ จำนวน 2 คัน จากองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 2556 กรณีบริษัท พลวิศว์ เทค พลัส จำกัด โดย นายอิทธิพล ดวงเดือน และบริษัท เอส พี เค ออโต้เทค จำกัด โดย น.ส.ศศิธร ตั้งตรงคิด อ้างเอกสารปลอมในวันยื่นซองเอกสารการประมูลซื้อรถในวันที่ 14 พฤษภาคม 2556 ดังรายละเอียดแจ้งแล้วนั้น

ต่อมา สถานีตำรวจภูธรเมืองสงขลา ได้มีหนังสือถึงนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา แจ้งว่า บัดนี้พนักงานสอบสวนได้ดำเนินการสอบสวนเสร็จสิ้นแล้ว มีความเห็นควรสั่งฟ้องบริษัท พลวิศว์ เทค พลัส จำกัด โดย นายอิทธิพล ดวงเดือน ในฐานะนิติบุคคล ผู้ต้องหาที่ 1 นายอิทธิพล ดวงเดือน ในฐานะส่วนตัว ผู้ต้องหาที่ 2 และ น.ส.ศศิธร ตั้งตรงคิด กรรมการบริษัท เอส พี เค ออโต้เทค จำกัด ในฐานะส่วนตัว ผู้ต้องหาที่ 3 ในความผิดฐานร่วมกันปลอม และใช้เอกสารปลอม ตกลงร่วมกันในการเสนอราคาเพื่อวัตถุประสงค์จะให้ประโยชน์แก่ผู้ใดผู้หนึ่ง เป็นผู้มีสิทธิทำสัญญากับหน่วยงานรัฐ โดยหลีกเลี่ยงการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรม หรือโดยกีดกันมิให้มีการเสนอสินค้าหรือบริการอื่นต่อหน่วยงานรัฐ หรือโดยการเอาเปรียบหน่วยงานรัฐอันมิใช่เป็นไปในทางการประกอบธุรกิจปกติตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83, 264 และ 268 และตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 มาตรา 44 (2) และมาตรา 14 วรรค 3

ซึ่งต่อมาพนักงานสอบสวนได้ออกหมายเรียกไปยังผู้ต้องหาทั้ง 2 รายข้างต้นแล้ว ตั้งแต่วันที่ 25 มีนาคม 2564 ที่ผ่านมา แต่ผู้ต้องหาไม่ได้มาตามหมายเรียก มีเพียงหนังสือแจ้งพร้อมใบรับรองแพทย์ เพื่อขอเลื่อนเข้าพบพนักงานสอบสวน เนื่องจากมีอาการป่วย ซึ่งโดยกระบวนการต่อจากนี้จะมีการออกหมายเรียกอีก 2 ครั้ง หากผู้ต้องหาไม่ได้มาพบ พนักงานสอบสวนก็จะออกหมายจับต่อไป เพื่อนำส่งตัวผู้ต้องหา พร้อมสำนวนการสอบสวนไปให้พนักงานอัยการเพื่อพิจารณาดำเนินคดีต่อไป

ต่อมา สื่อมวลชนได้ติดต่อโทรศัพท์ขอนัดพบเพื่อเข้าสัมภาษณ์ พ.ต.อ.ภูวรา แก้วพารัตน์ ผกก.สภ.เมืองสงขลา ถึงความคืบหน้าในคดีดังกล่าว ซึ่ง พ.ต.อ.ภูวรา แก้วพารัตน์ ผกก.สภ.เมืองสงขลา ได้ปฏิเสธการให้สัมภาษณ์ โดยกล่าวว่า ขณะนี้สำนวนทั้งหมดตนได้นำส่งไปที่ชั้นอัยการแล้ว และเหตุที่ไม่อยากให้สัมภาษณ์ เนื่องจากคดีนี้เป็นเรื่องของผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่าย และประเด็นบางอย่างอาจมีการหมิ่นเหม่ ซึ่งอาจจะมีปัญหาในเรื่องของการได้เปรียบเสียเปรียบ จึงขอให้เป็นหน้าที่ของกระบวนการทางศาล ดีกว่าที่จะออกมาชี้แจงในเรื่องนี้ ดังนั้น จึงมองว่าจะเป็นการก้าวล่วงศาล เวลานี้จึงต้องไปตามเรื่องที่อัยการจังหวัด และในส่วนของบริษัท พลวิศว์ เทค พลัส จำกัด นั้น ต้องเป็นหน้าที่ของศาล ซึ่งจะต้องรอให้ศาลเรียกเพื่อที่จะนำมาสอบสวนตามกระบวนการของศาลต่อไป ซึ่งทาง ผกก.ได้ส่งสำนวนทั้งหมดไปที่อัยการจังหวัดตั้งแต่ต้นเดือนแล้ว ดังนั้น สำนวนทั้งหมดจึงอยู่ในชั้นของอัยการ


ด้านนายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง รองอธิบดี และโฆษกอัยการปราบปรามทุจริตภาค 9 ได้ให้ความเห็นว่า ทราบว่าจะมีการส่งสำนวนเรื่องเกี่ยวกับการปลอมเอกสารเกี่ยวกับการจัดซื้อจัดจ้าง ซึ่งสำนวนนั้นจะไม่เกี่ยวกับการปราบปรามทุจริตภาค 9 เพราะว่าทางเรารับสำนวนจากที่ ป.ป.ช.ไต่สวนมา และส่งสำนวนมาให้อัยการพิจารณา ส่วนเรื่องที่กำลังจะส่งอีกสำนวนเป็นการกล่าวหาเกี่ยวกับกระบวนการปลอมเอกสาร ซึ่งไม่ได้อยู่ในสำนวนทุจริต แต่ในส่วนของอัยการปราบปรามทุจริตภาค 9 สำนวนทำเสร็จแล้ว และอธิบดีได้ลงนาม และกราบเรียนไปยังอัยการสูงสุดที่กรุงเทพฯ แล้ว ซึ่งเป็นอำนาจของอัยการสูงสุดสั่งการ

เมื่อถามถึงความเชื่อมโยง พบว่า สำนวนที่มีการฮั้วประมูล และปลอมเอกสาร กับคดีของ นายนิพนธ์ บุญญามณี ที่ถูก ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดไว้แล้วนั้น นายโกศลวัฒน์ กล่าวว่า ในการไต่สวนที่ ป.ป.ช. ฝ่ายผู้ถูกกล่าวหาสามารถที่จะชี้แจง และส่งให้ ป.ป.ช.ได้ตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว ซึ่งอาจแยกสำนวนได้ และเป็นคนละการกระทำกัน และผู้ถูกกล่าวหาในสำนวน ป.ป.ช. ก็สามารถหยิบยกเรื่องการปลอมเอกสาร และฮั้วประมูลให้ ป.ป.ช.ขึ้นพิจารณาในชั้นไต่สวนตั้งแต่ต้นได้อยู่แล้ว หรือจะนำมาใช้ต่อสู้ในชั้นศาล หากสำนวนนี้มีการนำเข้าสู่ศาล สามารถจะนำไปต่อสู้ต่อได้

นายโกศลวัฒน์ กล่าวเพิ่มด้วยว่า ในกรณีมีความเชื่อมโยงกับสำนวนที่ยังคงอยู่ในระหว่างการพิจารณาของ ป.ป.ช.ที่มีมติชี้มูลความผิดของ นายนิพนธ์ บุญญามณี เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา (ปัจจุบันเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย) กรณีละเลยต่อการปฏิบัติหน้าที่ ไม่ได้อนุมัติงบประมาณเบิกจ่ายเงินให้แก่บริษัท พลวิศว์ เทค พลัส จำกัด เป็นค่ารถซ่อมบำรุงทางอเนกประสงค์ 2 คัน รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 50,850,000 บาท ทำสัญญาซื้อขายเมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2556 ซึ่งขณะนี้สำนวนได้มีการพิจารณาของสำนักงานอัยการสูงสุดเรียบร้อยแล้ว

อย่างไรก็ตาม หาก ป.ป.ช.มีการหยิบยกสำนวนในคดีร่วมกันปลอม และใช้เอกสารปลอมตกลงร่วมกันในการเสนอราคาของบริษัท พลวิศว์ เทค พลัส จำกัด โดย นายอิทธิพล ดวงเดือน และ น.ส.ศศิธร ตั้งตรงคิด กรรมการบริษัท เอส พี เค ออโต้เทค จำกัด มาพิจารณา หรือแม้ผู้ถูกกล่าวหาในคดีนี้ได้มีการโต้แย้ง และได้หยิบยกเรื่องนี้มาใช้ในการต่อสู้ในชั้นศาล ก็มีโอกาสที่จะส่อแววว่าคดีนี้อาจจะพลิกก็เป็นได้




กำลังโหลดความคิดเห็น