xs
xsm
sm
md
lg

ปลุกตำนาน “กาแฟโบราณ” อายุ 200 ปี อ.ละงู ลุยโค่นสวนยางปลูกกาแฟพันธุ์โรบัสต้า

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ต้นกาแฟสายพันธุ์โรบัสต้า ในช่วงอายุ 1 ปี 8 เดือน จำนวน 250 ต้น บนพื้นที่แปลงทดลอง 2 ไร่ ของ “ไร่กาแฟนายเอก” ตั้งอยู่หมู่ 5 บ้านทุ่งนางแก้ว ต.น้ำผุด อ.ละงู จ.สตูล กำลังให้ผลผลิต ซึ่งถือเป็นความโชคดีของเกษตรกร หลังจากกาแฟให้ผลผลิตก่อนกำหนด หากช่วงอายุ 3-4 ปี จะให้ผลผลิตมากถึง 1 ตันกว่าต่อไร่

จากประสบการณ์ของครอบครัวที่ปลูกต้นกาแฟ ในพื้นที่ จ.ระนอง และ จ.ชุมพร ทำให้ “ไร่กาแฟนายเอก” กล้าที่จะโค่นต้นยางพาราเพื่อปลูกต้นกาแฟ และได้ผลเกินความคาดหมาย อีกทั้งมีแผนจะเพิ่มพื้นที่ปลูกกาแฟอีก 10 ไร่ โดยโค่นต้นปาล์ม ปัจจุบัน ทางไร่กาแฟนายเอก มีสมาชิกปลูกกาแฟ 20 ราย หากมีผลผลิตเยอะเหลือขาย ในอนาคตเตรียมแผนรองรับด้วยการการแปรรูป

นางกนกวรรณ หวังโชคผดุง อายุ 33 ปี เจ้าของไร่กาแฟนายเอก กล่าวว่า พื้นที่ดินมันเหมาะสมกับการปลูกกาแฟมาก แต่ที่เขาไม่ปลูกเพราะว่ามันไม่มีโรงงาน ไม่มีใครรับซื้อ เกษตรกรก็ไม่รู้จะปลูกเพื่ออะไร ไม่มีใครกล้าลงปลูก จึงคิดว่าดินเป็นปัญหาสำคัญในการปลูกกาแฟ ถ้าเกิดว่าเป็นพื้นที่ซับน้ำ หรือเป็นดินทรายจะไม่ได้ผลเลย แต่พื้นที่ตรงนี้มันเหมาะกว่าดินควนของฝั่งโน้น ส่วนฝั่งทางโน้นส่วนใหญ่ที่ปลูกกาแฟ เพราะปลูกยางพาราไม่ได้ ฝนตกเยอะ บ้านเราอากาศดีกว่า ฝนฟ้าดีกว่า ดินดีกว่า และพื้นที่ก็รับดีกว่า เราไม่ต้องลำบากในการขึ้นเขาไปเก็บกาแฟ จึงคิดว่าเราน่าจะได้ผลถ้าเราทำกันเป็นกลุ่มใหญ่ๆ เราได้ผลดีกว่า ซึ่งตนก็มีแหล่งจำหน่ายหากมีวัตถุดิบมากพอ


ด้าน น.ส.ณิชเนตร สระมุณี นักวิชาการส่งเสริมการเกษตรชำนาญการ สำนักงานเกษตรอำเภอละงู กล่าวว่า สำหรับกาแฟที่เหมาะสมกับพื้นที่บ้านเราก็จะเป็นกาแฟสายพันธุ์โรบัสต้า เพราะมันจะอยู่ในเขตพื้นที่ร้อนชื้นด้านล่าง ส่วนด้านบนเราไม่สามารถปลูกได้คือพันธุ์อาราบิก้า เพราะสายพันธุ์นี้จะเหมาะกับพื้นที่ที่มีอากาศเย็น อากาศหนาวซึ่งอยู่บนดอย ถ้าเราเอามาคุณภาพของกลิ่น และเมล็ดกาแฟ มันจะได้ไม่เหมือนกัน เพราะฉะนั้นที่นี่จะเหมาะกับการปลูกกาแฟพันธุ์โรบัสต้า จากการสำรวจเมื่อปีที่แล้ว เกษตรกรที่มีการรวมกลุ่ม และมีการเพาะปลูกจะอยู่ที่ 27 ราย พื้นที่ 30 ไร่ แต่ไม่ได้ปลูกในเชิงธุรกิจ จะเป็นการปลูกเสริมในสวนปาล์ม สวนยางพารา เพราะเราแนะนำให้เขาลองดูก่อน เพราะเกษตรกรในช่วงนี้อยู่ในสภาวะของการตัดสินใจว่า ผลผลิตที่ได้ออกมามันจะคุ้มทุนกับการทำยางพาราก่อนหน้านี้หรือไม่

เป้าหมายของเกษตรอำเภอละงู คือ ต้องเพิ่มผลผลิตให้ได้มากขึ้นกว่า 100 ไร่ โดยต้องดูว่ากลุ่มเกษตรกรมีความต้องการหรือไม่ ในเรื่องของรายได้อาชีพเสริม ซึ่งวันนี้ไร่กาแฟนายเอก จัดว่าเป็นตัวอย่างเริ่มจากกลุ่มเล็กๆ ตอนนี้มีการพัฒนาเพิ่มขึ้นจากเดิม 21 ราย เพิ่มขึ้นอีก 25 ราย พื้นที่ในการปลูกตกอยู่ที่ 4,500 ต้น มีการขยายเพิ่มขึ้น เชื่อว่าจะเป็นทางเลือกให้เกษตรกรในการตัดสินใจได้มากขึ้น


สำหรับ อ.ละงู ถือว่าเป็นดินแดนปลูกต้นกาแฟในอดีต เดิมเป็นพืชที่คน ต.ตอละ หรือชาวบ้าน ต.เขาขาว และ ต.น้ำผุด ในปัจจุบัน ปลูกไว้ก่อนจะเปลี่ยนไปปลูกยางพาราในช่วงราคายางพุ่งสูง แต่ความผันผวนราคายางดำดิ่งเหลือ 3 กิโล 100 บาท คนตอละจึงหันมาปลูกกาแฟโบราณสายพันธุ์โรบัสต้า ส่วนใหญ่ก็ปลูกแซมยางพารา ปาล์มน้ำมัน โดยจะนำต้นพันธุ์กาแฟที่มีอายุมากกว่า 200 ปี บนพื้นที่ของ “โต๊ะดะ” เจ้าของต้นกาแฟโบราณรุ่นที่ 2 กระทั่งวันนี้ต้นกาแฟโบราณยังคงอยู่ถึงทายาทรุ่นที่ 4 ในปัจจุบัน

ส่วนราคาซื้อขายจากไร่กาแฟจะรับซื้อผลสด เพื่อลดความยุ่งยากของเกษตรกร โดยจะอยู่ในราคากิโลกรัมละ 25 บาท หากจะขายเมล็ดแห้ง กิโลกรัมละ 80-85 บาท หากมีการคัดเกรดก็จะได้อีกราคาหนึ่ง โดยเกษตรกรที่สนใจสามารถติดต่อขอพันธุ์มาปลูกได้ที่ไร่กาแฟนายเอก มีพันธุ์กาแฟมาให้ปลูก คิดราคาขนส่งเท่านั้นไม่หวังกำไร ติดต่อได้ที่ นางกนกวรรณ หวังโชคผดุง เจ้าของไร่กาแฟนายเอก โทร.08-4254-4902






กำลังโหลดความคิดเห็น