xs
xsm
sm
md
lg

นศ.ชายแดนใต้เผยการชูสามนิ้วเป็นสิทธิส่วนบุคคล ผู้ใหญ่ควรรับฟังและไม่คุกคามการแสดงออก

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ยะลา - นักศึกษาชายแดนใต้แสดงความคิดเห็นกรณีเยาวชนเคลื่อนไหวชูสามนิ้ว เผยเป็นสิทธิการแสดงออกส่วนบุคคล ผู้ใหญ่ควรรับฟังและไม่คุกคามการแสดงออก ขณะที่ด้านเยาวชนต้องเข้าใจและคิดให้รอบคอบว่าตนทำเพื่ออะไร
.
วันนี้ (20 ส.ค.) จากกรณีที่ได้มีกลุ่มนักเรียนนักศึกษาในหลายสถาบัน ได้ร่วมแสดงออกถึงการชูสามนิ้วตามสถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น เพื่อเรียกร้องสิทธิทางการเมือง โดยมีนักเรียนและนักศึกษาซึ่งอยู่ในกลุ่มของเยาวชนได้ร่วมแสดงออกทางสัญลักษณ์ในครั้งนี้ด้วยนั้น

น.ส.อาภาพร จังโหลนราช นักศึกษาชั้นปีที่ 4 หลักสูตรครุศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาภาษาไทย ของสถาบันแห่งหนึ่งในจังหวัดยะลา เปิดเผยว่า ความคิดเห็นส่วนตัวของตนเองต่อการที่มีกลุ่มนักเรียนนักศึกษาที่ได้แสดงออกด้วยการชูสามนิ้วนั้น ถือว่าเป็นสิทธิเสรีภาพที่สามารถจะแสดงออกได้ แต่ผู้ที่จะชูสามนิ้วตามกระแสนั้น ต้องมีความเข้าใจด้วยว่าสัญลักษณ์การชูสามนิ้วนั้นมีความหมายว่าอย่างไร ซึ่งหมายถึงการต่อต้านเผด็จการ การคุกคามประชาชน หนึ่งนิ้วก็หมายถึงสันติภาพ สองนิ้วคือเสรีภาพ และสามนิ้วคือภราดรภาพ ในส่วนของการล้มล้างสถาบันหรือไม่เอาสถาบันนั้นไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องในการชูสามนิ้วนี้ด้วย ซึ่งอาจจะมีการเข้าใจผิดหรือการเข้าใจที่คลาดเคลื่อนกัน

“ในส่วนของตนเองนั้น ไม่ได้รู้สึกว่าเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยกับการออกมาเคลื่อนไหวตรงนี้ เพราะตนเองเรียนครูก็ต้องอยู่ข้างเด็กนักเรียน และต้องมีความเป็นกลาง ถ้าด้วยตำแหน่งหรือหน้าที่ เราเองก็เหมือนสวมหมวกสองใบ ที่เป็นครูในยุคใหม่ และเป็นเยาวชนที่สามารถแสดงออกได้อย่างเต็มที่ แต่หมวกอีกใบหนึ่งเราก็คือ ข้าราชการ ที่รับคำสั่งจากเบื้องบน แต่เราก็ต้องเป็นเกราะป้องกันให้เด็กด้วย ซึ่งก็เหมือนกับว่าเราได้รับผลสะท้อนจากทั้งสองฝ่าย แต่เราทำอย่างไรก็ได้ที่จะให้เด็กรู้สึกปลอดภัยที่สุดเมื่ออยู่ในโรงเรียน ก็ต้องให้เขาได้มีการแสดงออกได้ ดีกว่าที่จะผลักให้เขาออกไปแสดงความคิดเห็นบนท้องถนน ซึ่งเขาก็เป็นเยาวชนที่อายุต่ำกว่า 18 ปี และอาจจะถูกคุกคามก็ได้” น.ส.อาภาพร จังโหลนราช กล่าว

ในส่วนของการแสดงออกของนักเรียนที่มีความก้าวร้าว หรือกิริยาที่ไม่เหมาะสมในการแสดงออกและประพฤติต่อครูอาจารย์ หรือกรณีที่ครูแสดงออกต่อกลุ่มเยาวชนที่ออกมาเคลื่อนไหวตามที่เห็นในข่าวนั้น ตนเองคิดว่า เยาวชนเขาต้องการผู้ที่รับฟัง ให้ผู้ใหญ่เข้าใจเขา แต่ครูเองก็เติบโตมาในยุคสมัยที่แตกต่างกัน เหตุการณ์ที่ผ่านมาแต่ละช่วงก็ไม่เหมือนกัน มันมีการเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง ในความรู้สึกของครูนั้นอาจจะมองว่า คุณค่าที่ตนเองกอดไว้นั้นกำลังสั่นคลอนและรู้สึกไม่ปลอดภัย การแสดงออกก็อาจจะมาจากอารมณ์ด้วย ซึ่งหากมีการควบคุมอารมณ์หรือควบคุมสติไว้ ก็อยากให้นึกถึงครั้งแรกในการก้าวเข้ามาเป็นข้าราชการครูนั้นเพื่ออะไร ก็เพื่อเด็กนักเรียน เพราะฉะนั้นก็ต้องอยู่ข้างนักเรียน แม้ว่าเหตุผลหรือการกระทำมันจะทิ่มแทงใจคนเป็นครู แต่ก็ต้องพูดคุยกับนักเรียนให้ได้ และทำให้เขตของโรงเรียนเป็นที่ปลอดภัยสำหรับนักเรียน

เมื่อสอบถามถึงการออกมาเคลื่อนไหวของกลุ่มนักเรียนนักศึกษาที่แสดงออกทางการเมือง จะมีผลกระทบต่อผู้เคลื่อนไหวอย่างไรบ้างนั้น “ตนเองคิดว่า ก็ต้องมีผลกระทบตามมาอยู่แล้วสำหรับผู้ที่เห็นต่างหรือคิดต่าง แต่คิดว่าคงจะยังไม่เกิดเหตุการณ์ความรุนแรงอย่างแน่นอน เพราะผู้ใหญ่ยังต้องคิดอีกหลายด้าน”

ในขณะเดียวกัน ที่กระทรวงศึกษาธิการได้ให้โอกาสแก่นักเรียนนักศึกษาสามารถแสดงความคิดเห็นได้นั้น ตนเองคิดว่าเป็นสิ่งที่ดี เพราะเป็นสิทธิเสรีภาพที่พึงแสดงออกได้ แต่สิ่งสำคัญคือ เมื่อการแสดงความเห็นออกมาแล้วนั้น ผู้ใหญ่จะรับได้ไหม ซึ่งในตอนนี้เห็นอยู่ว่าผู้ใหญ่รับไม่ได้กับผลของการแสดงความคิดเห็นของกลุ่มนักเรียนนักศึกษาที่ออกมาเคลื่อนไหว ซึ่งมันขัดแย้งกันอยู่กับที่ผู้ใหญ่บอกว่าให้แสดงออกได้ แต่รับไม่ได้กับผลที่ออกมาจากการแสดงความคิดเห็น ซึ่งตนเองเห็นว่า เมื่อกลุ่มนักเรียนนักศึกษาได้ออกมาแสดงความคิดเห็นออกมาเคลื่อนไหวแบบนี้ ทางผู้หลักผู้ใหญ่ควรที่จะเข้าไปพูดคุยเพื่อรับฟัง

สำหรับกลุ่มนักเรียน นักศึกษาที่จะออกไปร่วมแสดงความคิดเห็นนั้น ตนเองอยากจะบอกว่า อย่างแรกเลยต้องรู้ก่อนว่า ตอนที่เราจะก้าวเท้าออกไป เราจะไปทำอะไร สามนิ้วที่เราจะชูมันคืออะไร จะตามกระแสหรือเหตุการณ์ เราต้องรู้ก่อนว่าเราจะไปทำเพื่ออะไร และการออกไปต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของตนเองด้วย ซึ่งการเป็นเด็กและเยาวชนบางครั้งเราทำอะไรไปโดยที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์ และอยากให้คิดไตร่ตรองรอบคอบให้มากก่อนที่จะออกไป คือไม่ได้ห้ามไม่ให้ออกไป ไม่ได้จำกัดสิทธิที่สามารถกระทำได้ แต่ต้องคิดให้รอบคอบ

และสุดท้ายตนเองคิดว่า ตอนนี้ในส่วนของรัฐบาลเอง เมื่อมีกลุ่มนักศึกษาออกมาเคลื่อนไหว ก็อาจจะต้องมีการเปลี่ยนแปลง เพราะการแสดงออกจากกลุ่มนักเรียนนักศึกษานั้นมันมหาศาลมาก

ขณะที่นักเรียนอีกกลุ่มหนึ่งซึ่งเป็นนักเรียนชั้นมัธยมของโรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดยะลา ก็ให้ข้อมูลว่า ตนเองไม่ได้เป็นกลุ่มที่ชูสามนิ้ว และเพิ่งจะเข้าใจความหมายของการชูสามนิ้วเมื่อสักครู่ และที่โรงเรียนก็ไม่มีนักเรียนชูสามนิ้ว แต่ได้มีการติดตามข่าวสารอย่างต่อเนื่องจากทั้งสื่อหลักและสื่อสังคมออนไลน์ ซึ่งเพื่อนนักเรียนก็มีการพูดถึงกันเยอะ แต่ไม่มีใครที่รู้ความหมายที่แท้จริงว่ามันคืออะไร ซึ่งในตอนแรกนั้นเข้าใจว่า การแสดงออกดังกล่าวเป็นการลบหลู่สถาบัน ซึ่งตนเองก็ไม่ได้เข้าไปยุ่ง และเมื่อรู้ความหมายจากรุ่นพี่แล้ว ก็มีความเข้าใจมากขึ้น

ซึ่งในความคิดเห็นของตนเองนั้นคิดว่า เสียงของเด็กและเรายังเป็นเด็กคงจะยังไม่สามารถที่จะไปต้านอะไรขนาดนั้นได้ ซึ่งมันก็เป็นเพียงการเรียกร้องของเด็ก แต่ก็ไม่สามารถที่จะเปลี่ยนแปลงกฎเกณฑ์อะไรก็ได้ เพราะมันได้กำหนดมาแล้ว

และเมื่อสอบถามถึงความคิดเห็นต่อรัฐบาลของนายกฯ ประยุทธ์ จันทร์โอชา กลุ่มนักเรียนก็ได้ให้ความคิดเห็นว่า ก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไร และชอบที่รัฐบาลช่วยจัดการเรื่องของยาเสพติด และในส่วนของปัญหาเศรษฐกิจนั้น จะโทษลุงตู่ฝ่ายเดียวก็ไม่ใช่ ซึ่งมันอยู่ที่ยุคสมัยด้วย จะไปโทษว่า พอมาเป็นนายกฯ ทำให้เศรษฐกิจล่ม เศรษฐกิจไม่ดี อันนี้ก็ไม่ใช่นะ แต่ถ้าบอกนายกฯ ลุงตู่ได้ก็อยากจะบอกให้ช่วยขึ้นราคายาง และชอบนโยบายในการปรับการศึกษาเรื่องของการลดเวลาเรียนเพิ่มเวลารู้ และนโยบายที่ให้เงินเพื่อไปเที่ยวไปใช้จ่ายเป็นสิ่งที่ถูกใจที่สุด


กำลังโหลดความคิดเห็น